Thailand as a Hub of Food Ingredients Provider

Full article TH-EN

เมื่อเร็วๆ นี้ ทางบริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดงาน Fi Asia ได้จัด “Fi Asia 2017 ASEAN F&B Media Campaign” โดยเชิญสื่อมวลชนในภูมิภาคอาเซียนเข้าเยี่ยมชมโรงงานและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย ตั้งเป้าให้ Fi Asia เป็นเวทีกลางสำหรับธุรกิจส่วนผสมอาหารของอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ

การเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมทริปดังกล่าวยังเป็นการช่วยเชิญชวนและจุดประกายให้มีผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าและเข้าเยี่ยมชมงาน Fi Asia 2017 จากต่างประเทศมากขึ้น โดยในปีนี้ Fi Asia 2017 จะจัดขึ้นในวันที่ 13-15 กันยายน ณ ไบเทค บางนา

คุณรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ-ภูมิภาคอาเซียน บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทางยูบีเอ็มได้คัดสรรและเชิญสื่อมวลชนในสาขาการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอาหารโดยเฉพาะ ซึ่งการร่วมทริปในครั้งนี้ทำให้สื่อมวลชนได้เข้าใจถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมอาหาร ตลอดจนความสำคัญของส่วนผสมอาหาร และสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้อ่านในประเทศต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

ผู้สื่อข่าว 31 ราย จาก 7 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้เข้าร่วมทริปดังกล่าวด้วยการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ สสปน. โดยได้เข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตอาหาร เครื่องดื่ม และส่วนผสมอาหารในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและสมุทรสาคร ซึ่งใช้วัตถุดิบหลักที่มีอยู่ในประเทศไทย และอีก 2 หน่วยงาน ซึ่งให้คำปรึกษาและการบริการด้านงานวิจัยแก่ผู้ประกอบการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

UBM Asia (Thailand) Co., Ltd., the organizers of Fi Asia, recently held a successful journalist program named “Fi Asia 2017 ASEAN F&B Media Campaign” to encourage media coverage and position Fi Asia as the ASEAN business platform for food and beverage ingredients.

The event was also aimed to inspire more overseas exhibitors and visitors to attend Fi Asia 2017, which will be held on 13-15 September at BITEC Bangkok, Thailand.

“We emphasize on selected media that focus on economic development and food industry. Media will understand the industry, importance of ingredients and communicate right message to consumers, if they have actually visited our incredible country and experienced some of our leading food & beverage companies and their products first-hand. They can be right communicating tools to the massive prospects.” said Ms.Rungphech Chitanuwat, Group Director – ASEAN, UBM Asia (Thailand) Co., Ltd.
With TCEB’s support, 31 journalists from relevant media from 7 ASEAN countries visited 3 leading food companies in Phra Nakhon Si Ayutthaya and Samut Sakhon and 2 institutes, professional research and service on food and food ingredients, beverage and packaging. All visited companies showcased innovative and high quality products which primarily use the abundance of raw materials sources from Thailand.

Microbial Control in Poultry Processing using PAA Intervention Strategy

การควบคุมจุลินทรีย์ในกระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกโดยใช้กรดเปอร์อะซิติก

By: Shailendra Singh
Assistant Vice President Peroxides
Thai Peroxide Co., Ltd.
shailendra.t.singh@adityabirla.com

Full article TH-EN

การฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมพื้นฐานในการลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนภายในไลน์การผลิตผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก โดยกระบวนการทำลายและฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ส่งผลให้อาหารมีความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ และเป็นไปตามกฎระเบียบมาตรฐานด้านความปลอดภัยในระดับสากล โดยเฉพาะเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคในเนื้อไก่ อาทิ Salmonella, Campylobacter และ E. Coli ซึ่งอาจปนเปื้อนในกระบวนการผลิตได้

ขั้นตอนการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคนั้นสามารถทำได้โดยใช้ไอน้ำ ความร้อน หรือแม้กระทั่งการใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อ เช่น คลอรีน ไอโอดีน สารประกอบควอตซ์ และการใช้กรดเปอร์อะซิติก เป็นต้น เนื่องจากสารฆ่าเชื้อแต่ละชนิดนั้นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน

ดังนั้น การเลือกใช้สารฆ่าเชื้อที่เหมาะสมจึงเป็นความท้าทายสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตอาหารยุคใหม่ โดยหัวใจสำคัญในการเลือกสารฆ่าเชื้อ คือ ประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคโดยเฉพาะ Salmonella และ E. coli การรักษากำลังการผลิตและผลได้ในการผลิต (Yield) ตลอดจนการคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงความสอดคล้องกับกฎระเบียบมาตรฐานด้านความปลอดภัยอาหารในระดับสากลด้วย

Disinfection is part of the basic program that reduces the risk from inline contamination during poultry processing. It helps in keeping the food safe for consumers, extend product life & comply with global food safety regulations. Such as Salmonella, Campylobacter & E. Coli occur in live poultry and gets transferred during processing.

Disinfection process can be done by using steam, heat or use some disinfectants such as chlorine, iodine, quartz compounds and Peracetic acid, etc. Since each disinfectant has different advantages and disadvantages.

Choosing the right disinfectant is the key challenge encountered by various processors in modern era. The key criteria for selection are efficacy against Salmonella & E. coli, Yield/productivity, the impact on the health of consumers, environmental impact of using a particular chemistry as disinfectant and conforming to global food safety regulation.

 

 

Zero Food Waste Trend – Opportunity for Food Business In the New Era

จับกระแสการลดขยะอาหารกับโอกาส ทางธุรกิจอาหารยุคใหม่

ฝ่ายวิจัยธุรกิจ
ธนาคารเพื่อ การส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
Export-Import Bank of Thailand
www.exim.go.th

Full article TH-EN

จากข้อมูลขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) ระบุว่าขณะที่ประชากรโลกราว 800 ล้านคน ยังคงเผชิญกับความหิวโหยและประสบปญั หาขาดแคลนอาหารอยู่นั้น ราว 1 ใน 3 ของปริมาณอาหารทั้งหมดที่ผลิตเพื่อการบริโภค กลับกลายเป็นเศษอาหารหรือขยะอาหาร (Food Waste) ที่สูญเสียไปอย่างไร้ประโยชน์ ทั้งนี้ ขยะอาหารเกิดได้จากทุกขัน้ ตอน ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การผลิต ขนส่ง และจำหน่าย ไปจนถึงมือผู้บริโภค โดยสาเหตุสำคัญนอกจากการเพาะปลูก เก็บเกี่ยว และขนส่งที่ไม่มีประสิทธิภาพจนทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และทำให้สินค้าบางส่วนเสียหายแล้ว พบว่า ความสูญเสียส่วนมากเกิดจากการที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารต่างๆ มักนำอาหารที่จำหน่ายไม่หมดไปทิ้ง (ทัง้ ที่ยังอยู่ในสภาพรับประทานได้โดยปลอดภัย) เนื่องจากสินค้าดังกล่าวมีขนาดหรือรูปร่างไม่สวยงามตามมาตรฐานที่ผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อ รวมถึงหีบห่อที่บรรจุอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ หรือเกินวันหมดอายุแล้ว ดังนั้นจึงมีสินค้าจำนวนมากที่ถูกทิ้งในแต่ละวัน นอกจากนี้ กลยุทธ์การตลาดที่บริษัทผู้ผลิตกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้ออาหารในปริมาณมากเกินความจำเป็น อาทิ ซื้อ 1 แถม 1 ทำให้ผู้บริโภคแต่ละครัวเรือนต่างมีอาหารเหลือทิ้งมากเช่นกัน ขยะอาหารเหล่านี้ นอกจากเป็นภาระในการจัดการของผู้ประกอบการและครัวเรือนแล้ว ยังก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน
จากสถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นให้สังคมหันมาให้ความสนใจเป็นอย่างมากกับการหาวิธีลดปริมาณขยะอาหาร อาทิ การจัดตั้งธนาคารอาหาร (Food Bank) ในหลายประเทศเพื่อทำหน้าที่รวบรวมอาหารที่ไม่เหมาะแก่การจำหน่ายทั้งจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านอาหาร ไปบริจาคให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน การปรับปริมาณและและรสชาติของเมนูอาหารในโรงเรียนให้ตรงกับความต้องการของนักเรียนมากขึ้นเพื่อมิให้มีอาหารเหลือทิ้งจำนวนมาก การรณรงค์ให้ผู้บริโภคมีความรู้และความเข้าใจฉลากสินค้าถึงความแตกต่างระหว่างคำว่า “Best Before” และ “Expired Date” ที่ระบุอยู่บนฉลากสินค้า เพื่อลดความสับสนแก่ผู้บริโภค กล่าวคือ

The Food and Agriculture Organization of the United Nations (FAO) says that while 800 million global population are struggling with hunger and food shortage, around one-third of the global food processed for consumption are turning into food waste. Notably, food litter can occur in every process in the supply chain from manufacturing, transport, and distribution to the hands of consumer. One crucial factor, apart from ineffective cultivation and transportation, is that many products were not compatible with the demands of the consumers and damages of products during delivery. We also found that largely the loss comes from supermarket’s policy to throw away unsellable food (despite the fact that the products can still be safely consumed) just because the products are not in the size or shape preferred by consumers, have imperfect packages, or expired. Hence, there are large numbers of products being thrown away each day. Moreover, the marketing strategy of the manufacturers, which encourages consumers to buy more that they need, such as 1-free-1, had influenced each household to generate more food waste. These litters are not only the burden to enterprises and household, but greenhouse gasses produced from the waste are causing global warming, too.

 

Food Export Regulation and Standard

กฎหมายอาหารต่างประเทศ

วงศ์กานต์ ดิษฐกวี
Wongkan Ditthakavee
Lead Auditor
wongkan.ditthakavee@sgs.com
SGS (Thailand) Limited

Full article TH-EN

กฎหมายอาหารต่างประเทศทำไมจึงมีความสำคัญ แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือใดบ้าง ความถี่เท่าไรที่เราควรจะเข้าถึงแหล่งข้อมูล เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่ได้ยินมาบ่อยครั้ง ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนดังนี้

จากข้อมูลในปี 2559 1 ประเทศไทยเป็นผู้นำส่งออกอาหารอันดับที่ 13 ของโลก โดยแบ่งสัดส่วนของการส่งออกเป็น อาเซียนร้อยละ 28.4 ญี่ปุ่นร้อยละ 13.9 สหรัฐอเมริการ้อยละ 11.9 ยุโรปร้อยละ 10 เป็นต้น นอกจากนี้ GFSI Recognized Standard ได้มีการพูดถึงความสำคัญของการเข้าถึงกฎหมายไว้ในข้อกำหนด เช่น BRC Food Standard issue 7 ข้อกำหนด 1.1.62, IFS Food version 6 (April 2014) ข้อกำหนด 1.2.10, FSSC Additional Requirement no. 3 และ SQF ข้อ 2.4.1.1

ใจความสำคัญของข้อกำหนดได้กล่าว่าองค์กรต้องจัดให้มีระบบในการเข้าถึงข้อมูลเพื่อให้มั่นใจได้ว่าองค์กรได้ถูกแจ้งและทบทวนข้อมูล ดังนั้น สามารถสรุปได้ว่าจุดประสงค์ของข้อกำหนดคือเพื่อให้มั่นใจได้ว่าองค์กรได้มีการเตรียมความพร้อมและเข้าถึงอย่างเป็นระบบ ข้อมูลที่ได้รับเป็นปัจจุบันทันสมัย สามารถเข้าถึงข้อมูลทางวิชาการ วิทยาศาสตร์ กฎหมายของประเทศคู่ค้าปลายทาง เป็นต้น และนำไปประยุกต์ใช้ในระบบความปลอดภัยทางอาหารเพื่อป้องกันอันตรายและความเสี่ยงใหม่ๆ นอกจากนี้ ประเด็นทางด้านความปลอดภัยของอาหารและกฎหมายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

Why food export regulation is important nowadays? Where can we find reliable information? Frequency of updating? There are many questions come through among food industry situation is extremely competitive. We have answer here.

In 2016, Thailand is no. 13 of food exporters in the world 1 The product was sold in Asian 28.4%, Japan 13.9%, USA 11.9%, Europe 10%, etc. On top of that GFSI recognized standard defined the important of legislative in the requirement such as BRC Food Stand issue 7 clause 1.1.62, IFS Food version 6 (April 2014) clause 1.2.10, FSSC Additional Requirement no. 3 and SQF edition 7.2 clause 2.4.1.1.

These clauses are stated to ensure that food operator shall have a system in place to be kept informed of and reviews. Therefore, the objective of this clause is to ensure that food operator remains up to date, is able to meet legislation (relevant legislation, scientific and technical development, industry codes of practice) and can adapt it into their food safety system.

 

Nutritional Solutions for Optimizing the Golden Years

เข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพด้วยโภชนาการที่ดี

By: Dr.Kai Lin Ek
Marianne Heer

Scientific Marketing Managers
BASF Nutrition & Health

Full article TH-EN

โภชนาการที่ดีเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในแบบของคนรักสุขภาพ โดยโภชนาการมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยส่งเสริมให้มีชีวิตที่ยืนยาว ทั้งยังเป็นตัวช่วยในการจัดการกับความเสื่อมสภาพและความผิดปกติของระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโภชนาการที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างสุขภาพของสมอง ดวงตา รวมถึงข้อต่อ ที่กำลังได้รับความสนใจ โดยมีการศึกษาทดลองเพื่อหาแนวทางในการลดความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติทางสมอง การมองเห็น และการเคลื่อนไหว

ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปที่ว่าประชากรโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเพิ่มจำนวนของผู้สูงอายุได้กลายเป็นประเด็นหลักที่หลายประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกให้ความสนใจมาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบย้อนกลับไปในช่วงปี ค.ศ.1950-1959 ประชากรโลกที่มีอายุ 60 ปี หรือมากกว่า มีจำนวน 205 ล้านคน และได้เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า หรือประมาณ 606 ล้านคนภายใน 50 ปีต่อมา ทั้งนี้ ข้อมูลจาก United Nations’ Economic and Social Commission for Asia and the Pacific (ESCAP) ยังระบุว่าภายในปี ค.ศ. 2050 แถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีประชากรผู้สูงอายุมากที่สุด คือประมาณ 2 ใน 3 ของประชากรสูงอายุในโลก และสามารถคาดการณ์ได้ว่าประชากรที่มีอายุมากที่สุดคือมีอายุมากกว่า 80 ปีขึ้นไปจะครองสัดส่วนมากที่สุดถึงร้อยละ 18 ของจำนวนผู้สูงอายุในปี ค.ศ. 2050 เช่นกัน

เมื่อไม่สามารถห้ามภาวะสังคมผู้สูงวัยที่เกิดขึ้นนี้ได้จึงมีความกังวลใน 2 ลักษณะที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น คือ สภาพของจิตใจ และการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ช้าลง ในช่วงวัยทองของชีวิตการดูแลรักษาและการป้องกันความผิดปกติของร่างกายถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่สร้างความเชื่อมั่นในการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และเพื่อที่จะให้บรรลุเป้าหมายนั้น ความสามารถในการมองเห็น ภาวะทางจิตใจ และการเคลื่อนไหวของร่างกายจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

Good nutrition as part of a healthy lifestyle has a significant contribution in giving more life to years, particularly in managing decline and minimizing loss of function. The vital role of nutrition in the maintenance of brain, eye and joint health are discussed along with potential strategies to reduce the risk of cognitive decline, age-related loss of sight and immobility.

It will not take anyone by surprise that the world’s population is getting older – aging and its impacts have been dominant topics in the last few years and continue to be widely discussed by some of the biggest economies in the world. Compared to the 1950s, when 205 million persons aged 60 or over were living throughout the world, the number had tripled to 606 million fifty years later. According to United Nations’ Economic and Social Commission for Asia and the Pacific (ESCAP), almost two-thirds of the world’s older persons will be living in Asia-Pacific by 2050. It is also expected that the proportion of the “oldest-old” (those above 80 years of age) will constitute 18% of older persons by 2050.

While there is virtually no stopping of this global phenomenon, there are increasing concerns surrounding two critical areas related to aging: mental decline and physical immobility. In the golden years of life, maintaining independence and preventing disability are fundamental in ensuring good quality of life. In order to achieve this, functional capacity in terms of sight, mental ability and physical mobility need to be maintained.

 

Mental Health in the Digital Age

เพิ่มพลังสมอง ปรับโภชนาการทุกวัยทันภัยยุคดิจิทัล

นายแพทย์แกรี่ สมอลล์
Dr. Gary Small
A Member of the Herbalife Nutrition Advisory Board (NAB)
A Top Brain Expert from the US and a Professor of Psychiatry
The University of California, Los Angeles (UCLA)

Full article TH-EN

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยมีอาการแบบนี้กันบ้าง เช่น ลืมชื่อคนบางคน จำไม่ได้ว่าจอดรถไว้ตรงไหน ลืมว่าวางโทรศัพท์ไว้ที่ไหน หรือจำไม่ได้แม้กระทั่งเดินเข้ามาในครัวทำไม อาการเหล่านี้ถือเป็นอาการหลงลืมทั่วไปที่คนเราสามารถเป็นได้นานๆ ครั้ง อย่างไรก็ดี ปัจจุบันอาการเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏแค่ในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น เพราะเราพบว่าแม้แต่หนุ่มสาวอายุ 30 หรือ 40 ก็เริ่มมีปัญหาเรื่องความจำบ่อยขึ้นและจำนวนเพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจ

เนื่องจากปัจจุบัน คนเจเนอเรชั่นมิลเลเนียลหลายล้านคนทั่วโลกเสพติดอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทำให้สมองของคนเราได้รับการกระตุ้นจากอุปกรณ์สื่อสารเป็นหลัก โดยผลสำรวจของเฮอร์บาไลฟ์ซึ่งทำการสำรวจพนักงานออฟฟิศที่มีอายุระหว่าง 25-45 ปี ในไต้หวันเมื่อปีที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 61 ของคนทำงานกลุ่มนี้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นาน 6-10 ชั่วโมงต่อวัน และร้อยละ 78 รู้สึกว่า การใช้อุปกรณ์เหล่านี้นานเกินไปมีผลกระทบต่อความจำของพวกเขา รวมทั้งประมาณร้อยละ 60 ยอมรับว่าถึงขั้นหลงลืมข้าวของส่วนตัวเลยทีเดียว

สำหรับประเทศไทย รายงานของ Google Consumer Barometer ได้ชี้ให้เห็นว่า ร้อยละ 53 ของคนไทยใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 89 นับจากปี 2556 และร้อยละ 70 ของคนไทยใช้สมาร์ทโฟน เพิ่มขึ้นร้อยละ 126 นับจากเมื่อ 3 ปีที่แล้วเช่นกัน

ในยุคสมัยใหม่ เทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา และเรารู้สึกว่ามันยากที่จะใช้ชีวิตโดยไม่มีสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ ผู้คนพึ่งพาเทคโนโลยีกันอย่างมากจนมันส่งผลต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต การทำงาน การพูดคุยสื่อสาร และการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ตลอดจนส่งผลให้วิธีการทำงานของสมองเปลี่ยนแปลงไปด้วย

Forgetting someone’s name, not remembering where you parked the car, misplacing your phone or forgetting why you came into the kitchen – these are very common memory lapses we experience from time to time. But more and more, these moments don’t happen exclusively to seniors, as even people in their 30’s and 40’s are complaining of more frequent memory problems.

Dr.Small shared the results of a Herbalife survey on office workers aged 25 to 45 in Taiwan last year. The study found that 61% of workers use their devices for six to 10 hours a day and 78% reported feeling that their memory was affected by their overuse of the device. Around 60% admitted to forgetting their personal belongings.

In Thailand, a recent report by the Google Consumer Barometer revealed that 53% of Thais use the Internet every day. This figure has increased by 89% since 2013. Seventy percent of Thailand’s population uses smart phones, an increase of 126% since three years ago.

In the modern world, technology has become an inevitable part of our day-to-day activities, and we find it difficult to get through a day without our smartphones and computers. People have become so dependent on technology, that it is changing the way we live, work, communicate and interact with others. It is also changing the way our brain works.

 

Plant-based, Whole Food Diet The Healthy Nutrition for Kids with Allergies

การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าสำหรับเด็กแพ้ง่าย

กองบรรณาธิการ
Editorial Team
Food Focus Thailand Magazine
editor@foodfocusthailand.com

Full article TH-EN

อาหารที่ทำให้ทารกและเด็กเล็กเกิดอาการแพ้กันบ่อยนั้นมักเป็นอาหารง่ายๆ ใกล้ตัวที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวัน เช่น นมวัว ถั่ว แป้งสาลี ไข่ขาว อาหารทะเล หรืออาหารแปรรูปต่างๆ นอกจากนี้ ทั้งสารเคมีและสารปนเปื้อนในอาหารก็เป็นอีกปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะกับเด็กที่อยู่ในช่วงวัยทารกตั้งแต่ 6 เดือนไปจนถึงวัยเด็กเล็ก

หนึ่งในทางแก้สำหรับอาการแพ้อาหารในเด็กเล็กที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดก็คือ การรับประทานอาหารแบบ Plant-based, whole food (PBWF) อันหมายถึง แนวทางการรับประทานอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก โดยพืชผักหรือธัญพืชที่รับประทานต้องไม่มีการสกัด ไม่มีการขัดสี และไม่มีการแปรรูปใดๆ

การส่งเสริมโภชนาการสำหรับเด็กเล็กในการรับประทานอาหาร PBWF สามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มได้ตั้งแต่วัยทารกเมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป นอกจากอาหาร PBWF จะช่วยป้องกันอาการแพ้ของเด็กแล้วยังช่วยให้มีสุขภาพที่ดีในระยะยาวด้วย นอกจากนี้ อาหารแบบ PBWF ยังมีส่วนช่วยทำให้เด็กมีความกระตือรือร้นและฉลาดขึ้นด้วย

Most of the food that causes allergies in kids happened to be common food items that we always have in our daily lives, such as cow milk, beans, wheat flour, egg white, seafood and processed food. Moreover, in today’s modern society, we are also feeding our kids with food filled with chemicals and contaminants causing allergies in them! Some parents, especially moms with kids in the age between six months to toddler-age, are even petrified that their kids will develop food allergies.

One of the most talked-about solutions for these allergy problems in kids or babies is related to eating Plant-based, Whole food (PBWF) produce, which is a dietary lifestyle that focuses on the intake of plant- based foods that are not extracted, unpolished or unprocessed and minimizes the intake of processed and animal-derived foods.

There are many ways a parent can get started in feeding their kids PBWF foods, and this can be done even while at the baby stages. Apart from potentially preventing allergies and making your baby healthier in the long term, it also makes your kids more active and smart.

 

Combination System Check Weigher and Metal Detector with X-Ray Inspection

ระบบเครื่องชั่งน้ำหนักและตรวจจับสิ่งปลอมปนในเครื่องเดียวกัน

บริษัท เมทเล่อร์-โทเลโด (ประเทศไทย) จำกัด
Mettler-Toledo (Thailand) Limited
MT-TH.CustomerSupport@mt.com

Full article TH-EN

ระบบการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายก่อนส่งมอบถึงมือลูกค้านั้นยังคงได้รับการท้าทายใหม่ๆ จากผู้ใช้งานอยู่เสมอ ทั้งในด้าน ประสิทธิภาพการตรวจสอบ, ความเร็วในการตรวจเช็ค, ความสะดวกปลอดภัยในการใช้งาน ตลอดจนความคุ้มค่าในการลงทุนและรองรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตในอนาคต

ด้วยเหตุนี้ ระบบการตรวจสอบผลิตภัณฑ์จึงได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบผสมผสานการตรวจสอบน้ำหนักและตรวจจับโลหะที่ทรงประสิทธิภาพ1 เป็นต้น ในปี 2560 ระบบผสมผสานการตรวจสอบน้ำหนักและตรวจจับสิ่งปลอมปนด้วยรังสีเอ็กซ์ใหม่ล่าสุด2 ได้ก้าวออกสู่ตลาด ระบบใหม่นี้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นชัดเจน แต่ใช้พลังงานรังสีต่ำที่สุดในโลกเพียง 20 วัตต์ โดยไม่ทำให้ความสามารถในการตรวจจับสิ่งปลอมปนลดลงเนื่องจากใช้เทคโนโลยีการตรวจจับล่าสุดเข้ามาช่วย เพื่อชดเชยค่าพลังงานรังสีเอ็กซ์ให้อยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการตรวจจับสิ่งปลอมปน ซึ่งนับเป็นเครื่อง X-Ray ที่ปลอดภัยและประหยัดพลังงานที่สุดในปัจจุบัน

ในเวลาเดียวกัน ระบบผสมผสานการตรวจสอบน้ำหนักและตรวจจับโลหะ1 ที่ให้ความแม่นยำในการชั่งน้ำหนักสูง พร้อมทั้งรองรับความเร็วสูงที่สุดถึง 600 ชิ้น/นาที อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนขนาดสายพานได้หลากหลายขนาดให้เหมาะสมกับขนาดของสินค้าที่ต้องการชั่ง ซึ่งสอดรับกับรูปแบบการผลิตสมัยใหม่ที่มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากขึ้นกว่าในอดีต โดยผู้ผลิตสามารถลดค่าใช้จ่ายการลงทุนซื้อเครื่องจักรในอนาคต ได้ถูกคิดค้น พัฒนา จนสามารถออกสู่ตลาดสำเร็จ

มากกว่านั้น ในส่วนของการรวมความสามารถด้านการชั่งเข้ากับการตรวจจับโลหะ ก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเช่นกัน ซึ่งการรวมกันครั้งนี้ก็เพราะ เครื่องตรวจจับโลหะนั้นแทบจะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานของการตรวจจับสิ่งปลอมปน (จุดควบคุมวิกฤต) ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

The final inspection before delivering products to the customers remains challenging for users both in terms of performance, speed, safety, and cost efficiency when the production system is changing in the future. As a result, product inspection system has been continuously developed in response to the demand of food and beverage manufacturers, whether it is an effective combination system of check weigher and metal detector1, for example.

In 2017, the newest combination of check weigher and metal detector with x-ray inspection2 is released into the market, after a long process of brainstorming, developing and marketing. The x-ray inspection that added into the newest model of check weigher2 is a prominent upgrade. It uses the world’s lowest radioactive – 20 watts – without compromising the ability to detect contaminations. The use of the latest detection technology compensates to the use of low x-ray radioactive, and keeps the energy level sufficient to detect contaminations. This is the most economical and the most energy sufficient machine we have today.

At the same time, this combination1 offers accurate weight checking and metal detecting at a speed of 600 items/minute. It also supports various sizes of conveyor belt to match with the size of the items, which is in line with modern production and products diversity. Manufacturers can save cost for future purchase of machinery. Moreover, the integration of weighing and metal detection technologies works effectively, too. This combination is due to the fact that metal detector is a common technology in contamination detection (critical control point) in food and beverage industry.

The design to make effective check weigher and metal detector1 requires not only the installation of metal detector into the check weigher, but also the installation of integrated user interface. With that, users can adjust the settings, displays, and assessment results in the same screen for their convenience.

Ready-to-Eat Foods in Retort Pouch Extended Shelf Life Innovation without Preservative and Freezer

ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานในถุงรีทอร์ท
นวัตกรรมยืดอายุการเก็บรักษาโดยไม่ต้องอาศัยวัตถุกันเสียและตู้เย็น

โดย: ทรงวิทย์ หงสประภาส
Throngvid Hongsaprabhas
Manager – Food & Beverage Business
Sahapan Century Co., Ltd.
(A Company of Sahapan Group)
throngvid.h@sahapan.co.th

Full article TH-EN

ในปัจจุบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตอาหารมีมากมายและหลากหลายให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ตามความเหมาะสมของจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น การผลิตอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน การลดการใช้สารเคมีในอาหารตามเทรนด์ของโลก การยืดอายุการเก็บของผลิตภัณฑ์อาหารโดยเน้นเรื่องการไม่ใส่วัตถุกันเสียและไม่ต้องแช่ตู้เย็น เป็นต้น หากมุ่งหวังนวัตกรรมอาหารที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ เทคโนโลยีการผลิตอาหารพร้อมรับประทานในถุงรีทอร์ท ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจและตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาต่อยอดเป็นนวัตกรรมอาหารได้ในอนาคต

ถุงรีทอร์ทคืออะไร?
ถุงรีทอร์ท (Retort pouch) เป็นบรรจุภัณฑ์อาหารที่มีคุณสมบัติทนต่อความร้อนและความดันสูง นำมาใช้ในกระบวนการผลิตอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานในถุงรีทอร์ทนี้เป็นการแปรรูปอาหารด้วยความร้อน (Thermal processing) เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ในอาหาร โดยบรรจุในภาชนะปิดสนิท (Hermetically sealed container) ผ่านกระบวนการควบคุมอุณหภูมิ ระยะเวลา และความดันที่เหมาะสม จัดเป็นวิธีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนในระดับ Commercial sterilization ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย เมื่อผ่านกระบวนการผลิตดังกล่าวแล้ว สามารถยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหารได้ยาวนาน 12-24 เดือน โดยไม่เน่าเสียหรือเป็นอันตรายจากเชื้อจุลินทรีย์ ไม่ต้องใช้วัตถุกันเสียหรือแช่ตู้เย็น

พัฒนาการของอาหารพร้อมรับประทานในถุงรีทอร์ท
เทคโนโลยีการผลิตอาหารพร้อมรับประทานในถุงรีทอร์ท เริ่มพัฒนาขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1960 ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรกๆ ที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร ทั้งอาหารสำหรับนักบินอวกาศ และเสบียงอาหารสำหรับกองทัพในช่วงปี ค.ศ.1965-1968 จนกระทั่งองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) ได้รับรองการใช้ถุงรีทอร์ทสำหรับผลิตอาหารพร้อมรับประทานในอุตสาหกรรมครัวเรือนราวปี ค.ศ.1980 ต่อมาเทคโนโลยีนี้เริ่มเป็นที่นิยมและใช้อย่างแพร่หลายในหลายประเทศทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น จัดเป็นหนึ่งในประเทศที่นิยมบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานในถุงรีทอร์ท ซึ่งผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป โดยมีการวางจำหน่ายในท้องตลาดมากกว่า 1,000 ประเภท สำหรับประเทศไทยเริ่มมีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานในถุงรีทอร์ทตามท้องตลาดมากขึ้น แต่โดยส่วนมากเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องด้วยเทคโนโลยีการผลิตพื้นฐานของอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยที่ผ่านมามักจะใช้กระบวนการแปรรูปอื่นๆ เช่น อบแห้ง แช่เย็น แช่เยือกแข็ง หรืออาหารกระป๋อง เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารพร้อมรับประทานประเภทอื่นๆ แล้ว อาจกล่าวได้ว่า ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานในถุงรีทอร์ทยังไม่เป็นที่แพร่หลายสำหรับผู้บริโภคคนไทยมากนัก

Presently, there are various food production innovations and technologies provided for entrepreneurs to apply upon their purposes i.e. ready-to-eat foods production, reducing the use of food chemicals following the world trend, extending of food products shelf life without using of preservatives and freezers, etc. Focusing on foods innovation with these qualifications, retort pouch technology for ready-to-eat foods can be deemed as an interesting alternative and serving consumers’ satisfaction, also, it can be developed and integrated as food innovation for future.

What is Retort Pouch?
Retort pouch is high temperature and pressure resistant food containers used in ready-to-eat food processing. The ready-to-eat food products are food thermal processing to destroy microorganisms in food by using fully sealed container (Hermetically sealed container) through a process of controlling temperature, duration and pressure which is sterilization in high level (Commercial sterilization) to ensure the good hygiene. Once the products have been made, it can extend the shelf life of foods to 12-24 months, it doesn’t need preservatives and freezers without causing food spoilage or microorganisms harmful.

Development of Ready-to-Eat Foods in Retort Pouch
Retort pouch technology for ready-to-eat products has been invented in 1960. This technology was applied on foods production by the United States of America in 1965-1968 for astronaut food production and army provisions production. In 1980, U.S. food and Drug Administration (USFDA) has certified the use of retort pouch technology for ready-to-eat foods for household industry. Afterward this technology has become well-known and widespread in many countries over the world such as Japan is one of the countries who favor to consume the ready-to-eat foods which can be generally found in their markets for more than 1,000 items. On the other hand, not so many years that Thailand interest in this technology, putting on the market of ready-to-eat foods in retort pouch has increased, but it mainly imported from many countries. This may be due to the fundamental food production of Thailand usually be conceived of other food processing i.e. dried, chilled, frozen or canned foods; if compare to another kind of ready-to-eat foods, it can be deduced that these are not well-known products for Thai consumers.

Innovative House Research to Increase Business Opportunities

บ้านแห่งนวัตกรรม…งานวิจัยเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

โดย: กองบรรณาธิการ
Editorial Team
Food Focus Thailand Magazine
editor@foodfocusthailand.com

Full article TH-EN

ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก กลาง หรือใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าเก่าและเก๋าในวงการ หรือมือใหม่ป้ายแดง หลายท่านอาจมีคำถาม… มีไอเดีย แต่ไม่มีตลาด…หรือแม้แต่การสานต่อธุรกิจของครอบครัว ซึ่งต้องปัดฝุ่น ขัดสนิม ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด

คำถามเหล่านี้อาจถูกคลายปม หรือจุดประกายความฝันใหม่ๆ ได้กับชุดโครงการ “การพัฒนาผลิตภัณฑ์ Innovative House” ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดโครงการภายใต้ฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)

“ในวันนี้ สกว. ได้จับมือกับโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมให้การสนับสนุนทุนวิจัยสำหรับ SMEs เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เป็นการสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.โสภาค สอนไว ผู้ประสานงานชุดโครงการ Innovative House กล่าว พร้อมเสริมว่า เป้าหมายของโครงการนี้ คือ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างเทคโนโลยีและสินค้านวัตกรรม ตลอดจนศึกษาองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบทางการเกษตร ลดต้นทุนในการผลิตให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอาง เวชสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

“เราต้องการสนับสนุนการใช้นวัตกรรมเพื่อผลักดันธุรกิจของผู้ประกอบการ ไม่ว่าคุณอยากจะแก้ปัญหาผลิตภัณฑ์เดิม เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนในการผลิต หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เราดูแลให้จนได้สูตรที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปผลิตเพื่อจำหน่ายได้” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. โสภาค เล่า

ในด้านงบประมาณสนับสนุนนั้น ชุดโครงการ “การพัฒนาผลิตภัณฑ์ Innovative House” มีงบสนับสนุน 100 ล้านบาท โดยแบ่งประเภทของทุนวิจัยออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มฟังก์ชัน เน้นการสร้างนวัตกรรม งานวิจัยเชิงลึก ใช้ระยะเวลาวิจัย 12-18 เดือน มีงบประมาณสนันสนุนจาก สกว. รวม 52 ล้านบาท ในแต่ละโครงการวิจัย สกว.สนับสนุนงบประมาณให้อย่างมากร้อยละ 80 และงบประมาณจากผู้ประกอบการเองอย่างน้อยร้อยละ 20 ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของเงินสด (In cash) ร้อยละ 10 และวัตถุดิบหรือเครื่องมือที่ใช้ในการทำวิจัย (In kind) อีกร้อยละ 10 และ 2) กลุ่ม RPD หรือ Research and Product Development เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่หรือแก้ไขปัญหาเดิม ใช้ระยะเวลาวิจัย 10 เดือน มีงบประมาณสนับสนุนจาก สกว. และ ITAP ของ สวทช. รวม 48 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณของแต่ละโครงการวิจัยเป็น 480,000 บาท โดย สกว. และ ITAP ของ สวทช. ให้การสนับสนุน 320,000 บาท และเป็นงบประมาณจากผู้ประกอบการเอง 160,000 บาท โดยจะอยู่ในรูปแบบของเงินสด 80,000 บาท และวัตถุดิบหรือเครื่องมือที่ใช้ในการทำวิจัยอีก 80,000 บาท

Whether food and beverage industry entrepreneurs is small, medium or large, or whether they are new or last-long in the industry, many may have questions, have idea but no market, or a family business, which they need to change and create new idea to serve demand of the market.

We can get answers and spark some creative idea with the project named “Innovative House Product Development”, one of a series of projects under the industry department of the Thailand Research Fund (TRF).

“TRF and the Industrial Technology Assistant Program (ITAP) of the National Science and Technology Development Agency (NSTDA) have jointly supported research scholar for SMEs under the joint research scholarship project, which is aimed to develop the potential of enterprises in the food and related industries, as well as enhance business handicap,” Assistant Professor Dr.Sopark Sonwai, coordinator of Innovative House said. He added that the goal of this project is R&D of the products, build technology and innovative products, as well as study paradigm in order to add value to agricultural products, reduce production costs for food industry, cosmetics, and dietary supplements.

“We would like to support the use of innovation to drive up businesses growth. Whether you want to solve existing product problems, increase productivity, reduce production costs, or even develop new products, we take care to get the formula which can be further expanded for commercial scale,” said Assistant Professor Dr.Sopark.

In terms of budget support, Innovative House Project has funded THB 100 million. The fund could be divided into two pillars; 1) Functional group focusing on innovation, in-depth research for research period between 12-18 months with a budget of THB 52 million from TRF. In each project, TRF provides support by 80 percent of the budgets, while enterprises have supported their own budget by at least 20 percent, which are in cash (10 percent) and another 10 percent is raw materials or research tools (in-kind) and 2) The RPD Group or Research and Product Development emphasizing on new product development or problem solving. The research period is 10 months. The total budget funded by TRF and ITAP of NSTDA worth THB 48 million. Each project will be funded worth THB 480,000. TRF and ITAP of NSTDA provides support worth THB 320,000 and enterprises have supported their own budget THB 160,000, which are in cash (THB 80,000) and raw materials or research tools (THB 80,000).