ร่วมแสดงความคิดเห็น U Share V Care ลุ้นรับของกำนัล Gift Voucher Sizzler 500 บาท จำนวน 2 รางวัล
ลุ้นรางวัลกับเราได้ตามลิงก์ด้านล่างเลย อย่าลืมกรอกให้ครบ..นะคะ
ร่วมแสดงความคิดเห็น U Share V Care ลุ้นรับของกำนัล Gift Voucher Sizzler 500 บาท จำนวน 2 รางวัล
ลุ้นรางวัลกับเราได้ตามลิงก์ด้านล่างเลย อย่าลืมกรอกให้ครบ..นะคะ
โอกาสที่มาแรงของอินกรีเดียนท์เพื่อสุขภาพสายตา
Translated by:
กองบรรณาธิการ
นิตสาร ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์
Editorial Team
Food Focus Thailand Magazine
editor@foodfocusthailand.com
Global Market Insights ระบุว่าภายในปี 2567 มูลค่าตลาดอินกรีเดียนท์เพื่อสุขภาพสายตาจะมีโอกาสเติบโตสูงถึง 290 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสายตา อาทิ โรคเอเอ็มดี ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา ต้อหิน และต้อกระจกซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์กลุ่มบำรุงสุขภาพสายตาเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีความต้องการสำคัญที่กระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมดังกล่าว เช่น การป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา และปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระ
ลูทีน และซีแซนทิน คืออินกรีเดียนท์ที่นำมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพสายตา โดยลูทีนมีประสิทธิภาพสูงและให้ผลลัพธ์ที่ดีแม้ใช้ในปริมาณน้อยจึงมีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมมากกว่าซีแซนทิน ส่งผลให้ลูทีนมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีสูงถึงร้อยละ 6.5 ภายในปี 2567 นอกจากนี้ ความต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็กทารกเพื่อเอาชนะภาวะความบกพร่องทางการมองเห็นในเด็กคืออีกปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดความต้องการลูทีนในตลาดเพิ่มสูงขึ้น
มูลค่าตลาดอินกรีเดียนท์เพื่อสุขภาพสายตาของเยอรมนีและสหราชอาณาจักรเติบโตมากกว่าร้อยละ 5.5 โดยมีสาเหตุหลักมาจากจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้มีการใช้จ่ายในด้านการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ทางด้านจีนและอินเดียรวมกันจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่าร้อยละ 6.5 ภายในปี 2567 นอกจานี้ ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับความสนใจของผู้บริโภคเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพนั้นเพิ่มสูงขึ้นจึงช่วยกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ได้มากเช่นกัน
Eye health ingredients market size is set to surpass USD 290 million by 2024; according to a new research report by Global Market Insights, Inc. Rising diseases including age-related macular degeneration (AMD), diabetic retinopathy, glaucoma and cataracts will propel product demand. Protection from UV radiation, elimination of free radicals and enhancing strong vision are other key features stimulating the industry growth.
Zeaxanthin and lutein are the broadly used eye care ingredients, high efficiency and effectiveness in lower dosages causes low zeaxanthin consumption compared to lutein. Lutein will witness CAGR exceeding 6.5% up to 2024. Rising demand for infant supplementary to overcome vision deficiency among children are the main factors driving lutein demand.
Europe, led by Germany and UK will witness growth over 5.5%. High geriatric population along with increasing consumer spending on healthcare will propel the regional industry growth. China and India together will witness CAGR over 6.5% up to 2024. Increase in consumer purchasing power along with growing consumer interest for a healthy lifestyle will stimulate industry growth.
#FFT April 2018
“ไทยเฟกซ์” ครั้งที่ 15 กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค, 29พ.ค.- 02 มิ.ย. 2561 @ IMPACT
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จับมือ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ ประเทศเยอรมนี เตรียมพร้อมจัดงาน THAIFEX – World of Food Asia 2018 ดึงผู้ประกอบการอุตสาหกรรม อาหารร่วมออกงาน คึกคักกว่า 2,500 ราย จาก 40 ประเทศทั่วโลก เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ขยายวันเจรจาธุรกิจ เพิ่มพื้นที่จัดงานกว่า 1 แสนตร.ม. ตั้งเป้าผู้เข้าชมงานเพิ่มขึ้น 10% มั่นใจไทยยังครองแชมป์ผู้จัดงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติที่ใหญ่ และครบวงจรที่สุดในเอเชีย
ส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจ
เปิดประตูสู่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในอาเซียน งาน THAIFEX – World of Food Asia ถือเป็นงานที่มีความสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเจาะตลาดในภูมิภาคนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะขยายตัวถึง 5.1% ในปี 2018 และเตรียมขึ้นแท่นเป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกในปี 2050
กิจกรรมส่งเสริมผู้ซื้อที่ขยายและปรับปรุงเพิ่มเติม มีแนวโน้มจะส่งเสริมการค้าสำหรับผู้ซื้อกว่า 3,000 ราย ถือเป็นการรวมตัวผู้ซื้อที่มากที่สุดในงานจัดแสดงสินค้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
ตลาดที่คึกคักและเต็มไปด้วยสินค้าแปลกใหม่
การเป็นเจ้าภาพในการจัดงานสำหรับผู้เข้าร่วมจัดแสดงกว่า 2,500 รายจาก 40 ประเทศและภูมิภาค งาน THAIFEX – World of Food Asia 2018 จะเป็นบ้านที่รวมเอาผู้จัดแสดงจากทั่วโลกไว้มากที่สุด บนพื้นที่จัดงานที่เพิ่มขึ้น 14% โดยจะจัดกิจกรรมอย่างพิถีพิถัน 11 ประเภทใน 11 ฮอลล์ เพิ่มขึ้นจาก 9 ฮอลล์ในปีที่แล้ว ณ ศูนย์จัดแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค ผู้เข้าร่วมชมงานจะได้พบกับการแสดงสินค้าที่หลากหลาย ทั้งอาหารชั้นเลิศ เนื้อสัตว์ บริการด้านอาหาร เทคโนโลยีด้านอาหาร ชาและกาแฟ เครื่องดื่ม ขนมหวาน อาหารแช่แข็ง อาหารทะเล ข้าว และผักและผลไม้
ในปีนี้ อาร์เจนตินายังเข้าร่วมเป็นประเทศพันธมิตรหลัก โดยในงานยังมีผู้จัดแสดงสินค้าจากกว่า 40 ประเทศ รวมทั้งกลุ่มผู้จัดแสดงจากเบลเยียมและแคว้นซิซิลิของอิตาลี
The Department of International Trade Promotion (DITP), in collaboration with the Thai Chamber of Commerce (TCC) and Kölnmesse (Germany), is ready to hold THAIFEX – World of Food Asia 2018, with more than 2,500 food and beverage enterprises from 40 countries to participate for more business opportunities. With extended date for business matching events and extended space of up to 100,000 sq.m., the hosts are expecting 10% growth in visitor figure, and are confident that Thailand will remain as the biggest host country for food and beverage exhibition in Asia.
Boosting business opportunities
The gateway to ASEAN’s food and beverage (F&B) industry, THAIFEX-World of Food Asia is strategically positioned to penetrate the region that is expected to grow 5.1 per cent in 2018 and projected to rank as the fourth largest economy by 2050.
An expanded and improved hosted buyer program will also facilitate trade and commerce for over 3,000 buyers. This is the largest contingent of buyers hosted at an F&B trade show – a feat made possible only by the unique synergistic partnership between the private and public sector organizers of the show.
A robust marketplace that delivers competitive edge
Playing host to more than 2,500 exhibitors from 40 countries and regions, THAIFEX-World of Food Asia 2018 will house its largest congregation of international and local exhibitors in a space that is 14 per cent bigger than last year. It will showcase 11 masterfully crafted trade shows across all 11 mega halls – an increase from 9 halls previously – at the IMPACT Exhibition and Convention Center. Visitors can expect an unparalleled exhibition across Fine Food, Meat, Food Serivce, Food Technology, Coffee & Tea, Drinks, Sweets & Confectionery, Frozen Food, Seafood, Rice, and Fruits & Vegetables.
This year’s event also welcomes Argentina as the official partner country, and more than 40 country and provincial pavilions, including new exhibitor groups from Belgium and Sicily, Italy.
More information about the event is available here:
Website: www.thaifexworldoffoodasia.com
Facebook: THAIFEX World of Food Asia
Instagram: @thaifexworldoffoodasia
การขอประเมินการกล่าวอ้างทางสุขภาพ
โดย: มาลี จิรวงศ์ศรี
Malee Jirawongsy
Expert on Food Standard
Food and Drug Administration
Ministry of Public Health
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้จัดทำประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 182 พ.ศ.2541 เรื่อง ฉลากโภชนาการ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสารอาหารในผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงปริมาณสารอาหารที่จำเป็นต้องกินให้เพียงพอและสารอาหารที่ต้องพึงระมัดระวังอย่ากินเกินความต้องการ นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับสารอาหารในผลิตภัณฑ์อาหารนั้นๆ แล้ว ผู้บริโภคใช้เป็นแนวทางในการเลือกซื้ออาหาร ซึ่งฉลากโภชนาการจะประกอบด้วยกรอบข้อมูลโภชนาการ ปริมาณการกิน 1 ครั้งของผลิตภัณฑ์อาหาร เงื่อนไขการกล่าวอ้างปริมาณของสารอาหารและข้อความกล่าวอ้างเกี่ยวกับสารอาหาร นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยายังมีการจัดทำหลักเกณฑ์การกล่าวอ้างทางสุขภาพเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ
การกล่าวอ้างทางสุขภาพ (Health claim) เป็นการให้ข้อมูลด้วยข้อความใดๆ บนฉลาก ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร หรือส่วนประกอบของอาหาร หรือสารอาหาร รวมถึงการแสดงรูป รูปภาพ รอยประดิษฐ์ เครื่องหมาย เครื่องหมายการค้า ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม การกล่าวอ้างทางสุขภาพแบ่งได้ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. การกล่าวอ้างหน้าที่ของสารอาหาร (Nutrient function claims) 2. การกล่าวอ้างหน้าที่อื่น (Other function claims) และ 3. การกล่าวอ้างการลดความเสี่ยงของการเกิดโรค (Reduction of disease risk claims)
หลักเกณฑ์การกล่าวอ้างทางสุขภาพ (Health Claim)
การกล่าวอ้างทางสุขภาพเป็นการแสดงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือและต้องมีผลการศึกษาในมนุษย์แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างอาหาร หรือส่วนประกอบของอาหาร หรือสารอาหารกับสุขภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม
According to the Notification of the Ministry of Public Health No.182, B.E.2541 on Nutrition Labelling, it is prescribed the nutrient content of a food and is intended to guide the consumer in food selection based on dietary recommendations. Nutrition labelling is provided for claims, namely nutrient content claims, comparative claims, nutrient function claims.
Health claim means any representation of pictures, photograph, invented designs, mark, trade mark or any texts on labels that states a relationship existed between a food or their constituents or nutrients and health both direct and indirect. The reasons for health claim assessment is to ensure that consumers are not misled by unsubstantiated, exaggerated or untruthful claims about foodstuffs. Health claims are prohibited unless they are authorized by FDA.
Health claims include the following: 1) Nutrient Function Claim – a claim that describes the physiological role of the nutrient in growth, development and normal function of the body; 2) Other Function Claim – claims concern specific beneficial effects on consumption and relate to a positive contribution to health or to the improvement of body function; and 3) Reduction of Disease Risk Claim – claims relating the consumption of a food or food constituent, in the context of the total diet, to the reduced risk of developing a disease or health-related condition.
The Criteria for Health Claim
Health claim must be based on current relevant scientific substantiation and proof must be sufficient to substantiate the type of claimed effect and the relationship existed between a food or their constituents or nutrients and health both direct and indirect. Label or document accompanying health claimed food must follow the Ministry of Public Health Notification on Label on food container.
บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ผาคำ แถมโฮง
Phakham Thaemhong
Client Manager, Food Division
British Standard Institution (BSI)
phakham.thaemhong@bsigroup.com
แนวคิดของ Green Package
Green package หรือบรรจุภันฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตมาจากธรรมชาติ สามารถนำกลับเข้าสู่วงจรได้ใหม่ นำกลับมาใช้ได้ใหม่ มีแนวโน้มที่จะย่อยสลายได้ ส่งเสริมความยั่งยืนตลอดในช่วงวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ไม่เป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อมตลอดจนสุขภาพของมนุษย์และสัตว์
หลักการ 4R1D ของ Green package (Ecological Package)
Green package ไม่ใช่แค่ด้านประสิทธภาพทั่วไปเท่านั้น แต่ Green package ยังมีสองฟังก์ชันหลักสำคัญ คือ การปกป้องสิ่งแวดล้อมและการนำมาใช้ใหม่ได้เป็นทรัพยากรหมุนเวียน ซึ่งทั้งสองฟังก์ชันหลักนี้ใช้หลักการ 4R1D คือ Reduce, Reuse, Reclaim, Recycle และ Degradable
ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมให้ประสบความสำเร็จ
1. จากจุดเริ่มต้นทั้งของผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ เช่น นักออกแบบ บริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ห่วงโซ่อุปทาน การจัดซื้อ นักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด เป็นต้น
2. การใช้งานของผู้บริโภค อัตราการซ่อมแซม การใช้ครั้งเดียวหรือใช้หลายครั้ง ข้อมูลที่มองเห็นและชัดเจน เป็นต้น
3. คิดเกี่ยวกับระบบบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงการถ่ายเทผลกระทบ เช่น การบรรจุของวัสดุที่ซื้อมา การผลิตบรรจุภัณฑ์ ลักษณะบรรจุภัณฑ์ Primary/Secondary/Tertiary อายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์
4. เพิ่มประสิทธิภาพด้านน้ำหนัก และ/หรือ ปริมาตรของบรรจุภัณฑ์สำหรับคุณค่าการใช้งานที่กำหนดไว้ของผลิตภัณฑ์ เช่น คิดถึงการขนส่งผลิตภัณฑ์ ตลอดจนเงื่อนไขการใช้งานของร้านค้าปลีก ให้ครอบคลุมครบวงจร ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ข้อจำกัดของบรรจุภัณฑ์ต่อส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ข้อจำกัดของวัสดุบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนข้อจำกัดของบรรจุภัณฑ์เปล่า เป็นต้น
5. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรในระหว่างการผลิตบรรจุภัณฑ์ เช่น ความเพียงพอระหว่างกำลังการผลิตและขนาดของเครื่องจักรหรือประเภทของวัสดุที่ใช้ ขนาดความยาว ประเภทของระบบการพิมพ์ เศษของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์ พยายามใช้เทคนิคและแนวคิดด้าน ECO ให้ได้มากที่สุด เช่น การใช้วัสดุรีไซเคิล เป็นต้น
6. พิจารณาการจัดการตลอดสิ้นอายุการใช้งานของบรรจุภัณท์ ความยากง่ายในการแยกออกจากกันของส่วนประกอบ องค์ประกอบของบรรจุภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการคัดแยก หรือการนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น
Green Package Concept
Green package or environmentally friendly packaging is manufactured with natural materials which can be returned into the system and are reusable and degradable. The package promotes sustainability throughout its product’s life cycle and is doing no harm to environment and the health of human and animal.
Green Package’s 4R1D Concept (Ecological Package)
Green package does not only hold a great capacity, but it also provides 2 main functions; protecting the environment and renewable resources. These 2 functions rely on 4R1D concept which includes; reduce, reuse, reclaim, recycle, and degradable.
To successfully design an environmentally friendly packaging, one should consider these 6 elements;
กลยุทธ์สร้างประสบการณ์โดนใจ…ทางรอดค้าปลีกรายย่อย ท่ามกลางตลาดออนไลน์ช็อปปิ้งที่แข่งขันกันรุนแรง
โดย: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
Kasikorn Research Center
www.kasikornresearch.com
ออนไลน์ช็อปปิ้งยังสามารถทำได้ง่ายสำหรับผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยหรือไม่?
อาจจะกลายเป็นโจทย์สำคัญที่ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยต้องคำนึงถึงและปรับตัว เพราะในขณะที่ตัวเลขของตลาดออนไลน์ช็อปปิ้งในไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างโดดเด่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เฉลี่ยร้อยละ 15-20 ต่อปี หรือมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 214,000 ล้านบาทในปัจจุบัน ในทางกลับกัน รายได้ของธุรกิจค้าปลีกผ่านช่องทางเดิมอย่างออฟไลน์มีการเติบโตในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดในบางกลุ่มสินค้าของออนไลน์ช็อปปิ้ง ประกอบกับการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น
Looking ahead, it remains to be seen whether the web-based marketplace will enable small retailers to tip the scales in their favor.
It may in fact present an even greater test for them to ponder and adjust to. This is because while the online shopping market in Thailand has expanded remarkably in the past five years, registering average growth of 15-20% per year, and is now valued at more than THB 214 billion, the revenue growth of retail business via traditional mode or offline transactions has at the same time slowed due to various factors. For example, online shopping has seized larger market share in total trading activities of many groups of merchandise including fashion accessories, cosmetics and electrical appliances. Customers have gained ever more confidence in web-based transactions.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ปี 2561 ตลาด B2C-Online-Shopping (เฉพาะสินค้า) จะมีมูลค่าตลาดประมาณ 256,000 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 470,000 ล้านบาทในปี 2565 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ 16.0 ต่อปี ทำให้ช่องทางออนไลน์ช็อปปิ้งมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.0 ในปี 2560 เป็นร้อยละ 8.2 ในปี 2565 เมื่อเทียบกับภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งทั้งระบบโดยรูปแบบของ E-Market Place จะเป็น Online-Platform ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น
KResearch expects that in 2018, the market of Business-to-Consumer (B2C)-online-shopping (merchandise only) will amount to approximately THB 256 billion, and may rise further to surpass THB 470 billion in 2022, with average annual growth of 16%. Online shopping will likely gain market share, from 5.0% in 2017 to 8.2% in 2022, of all retail business activity in the system. E-marketplace online platforms are expected to play a more prominent role.
ทำอย่างไร? ให้ธุรกิจยังคงอยู่รอดท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น กลายเป็นโจทย์ท้าทายที่ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยต้องเร่งปรับตัว
ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยที่อยู่รอด คือ ‘คนที่คิดต่าง ทำต่าง’ โดยในอดีตมักจะเน้นที่ความแตกต่างด้านสินค้าและราคา เช่น ความแตกต่างทางด้านการใช้งาน บรรจุภัณฑ์ และเรื่องเล่าหรือที่มาในตัวสินค้า เป็นต้น แต่ปัจจุบันการสร้างความแตกต่างดังกล่าวอาจจะไม่เพียงพอ เนื่องจากผู้บริโภคต้องการความแปลกใหม่ทางด้านประสบการณ์มากขึ้น เช่น ประสบการณ์ในการเป็นคนแรกที่ได้สัมผัสหรือเป็นเจ้าของสินค้า ประสบการณ์การรับรู้ทางด้านอารมณ์หรือความรู้สึกที่มีต่อสินค้า เป็นต้น
Small retailers now face the question of how to be competitive amid stiffer competition, having no other option but to reconfigure their strategies.
The survivors will be those who “think and do differently” and go the extra mile to stand out. Retailers might have previously focused on the distinct quality of their merchandise, as well as pricing. They also used to focus on functionality, packaging or stories of their products. However, such distinctions are no longer enough, because the customers now yearn for new personal experiences such as being the first to lay hands on a new product, or to own merchandise that they are emotionally connected to or identify with.
จากข้อมูลด้านการตลาดของ Euromonitor พบว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีมูลค่าตลาดธุรกิจบริการอาหารและเครื่องดื่มใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน โดยในปี 2554-2558 มีมูลค่าสูงถึงร้อยละ 77.6 การบริโภคโดยเฉลี่ยต่อหัวของประชากรในกลุ่มผลิตภัณฑ์นมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสองเท่าจาก 15 ลิตร ในปี 2553 เป็น 28 ลิตร ภายในปี 2563 จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้เวียดนามเป็นตลาดที่น่าดึงดูดของผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสารผสมอาหารและเครื่องดื่มทั้งในและต่างประเทศ และด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ Fi Vietnam 2018 งานแสดงสินค้าด้านสารผสมอาหารและเครื่องดื่มจึงจัดขึ้นเพื่อตอบรับกับการเติบโตและความน่าสนใจของตลาดเวียดนามแห่งนี้
Fi Vietnam 2018 – จัดเสิร์ฟครบครันเพื่ออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มครบรส
เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ผ่านมา โดย Fi Vietnam แสดงให้เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มซึ่งไม่เพียงในเวียดนามเท่านั้นแต่ยังรวมถึงประเทศในกลุ่ม CLMV ที่น่าจับตามองเช่นกัน ผู้ร่วมจัดแสดงสินค้าชั้นนำจากทั้งในและต่างประเทศกว่า 140 ราย ต่างเตรียมพร้อมนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุดของสารผสมอาหารและเครื่องดื่มสู่ผู้เข้าชมงาน ซึ่งล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในภาคส่วนอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจากกลุ่มประเทศอาเซียนและ CLMV รวมกว่า 4,700 คน
เปิดตัวพาวิลเลียนน้องใหม่ – สารผสมอาหารสำหรับเครื่องดื่ม
Fi Vietnam 2018 จึงได้จัดแสดงพาวิลเลียนสารผสมอาหารสำหรับเครื่องดื่มขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับงานแสดงสินค้าด้านสารผสมอาหารในเครือ Fi Global โดยผู้เข้าร่วมชมงานจะได้พบกับผลิตภัณฑ์สารผสมอาหารสำหรับเครื่องดื่มหลากหลายรูปแบบจากผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชั้นนำ และได้รับแรงบันดาลใจทางธุรกิจดีดีจากผู้จัดแสดงสินค้าในกลุ่ม Bi ในครั้งนี้อย่างแน่นอน
According to Euromonitor, Vietnam represents the third largest sales value foodservice market in ASEAN. However, it has experienced the most growth from 2011 -2015, with an impressive sales increase of 77.6%. Per capita consumption of dairy products is forecast to almost double from 15 litres in 2010 to 28 litres in 2020. All these factors make Vietnam a very attractive market to domestic and foreign manufacturers and distributors of food and beverage ingredients, and that Fi Vietnam 2018 will serve all segments of this fast-growing and attractive market with a targeted trade show.
Fi Vietnam 2018 – A Place to Bring All the Specific Segments within Food and Beverage Industries under One Roof
With an impressive 50% growth of show area compared with the last edition in 2016, Fi Vietnam reflects the robust growth of the F&B sector, not only in Vietnam, but also the CLMV emerging countries. More than 140 leading local, regional and international exhibitors from all sectors of the F&B ingredients industry will showcase innovative products and technologies and do business with over 4,700 F&B industry professionals from ASEAN especially from CLMV countries.
Beverage Ingredients Pavilion – New in This Year
Thanks to these factors, Fi Vietnam 2018 will feature a Beverage ingredients pavilion which is the first time for Fi global series. You will discover all beverage ingredients products from leading ingredients producers and distributors and be inspired with Bi theatre, presentation by leading exhibitors.
นมเปรี้ยวที่มีโพรไบโอติกส์ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันเมื่อได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่
โดย: ผศ. ดร. ทพญ.ดุลยพร ตราชูธรรม
Assistant Professor Dr.Dunyaporn Trachootham
Institute of Nutrition, Mahidol University
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่พบบ่อยและเป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก ไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัด คือ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด และไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดบี
มาตรการที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ คือ การให้วัคซีนป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กและผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่สูงนัก และพบว่าการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างแอนติบอดีที่มีฤทธิ์ยับยั้งการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอไม่ดีนัก และมีประชากรบางส่วนที่ไม่สร้างแอนติบอดี หรือสร้างแอนติบอดีได้ในระดับต่ำ จึงมีความจำเป็นต้องหาแนวทางเสริมภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่
ทีมนักวิจัยจากหน่วยงานสังกัดมหาวิทยาลัยมหิดลได้ทำการศึกษาวิจัยในคนเกี่ยวกับประสิทธิผลของนมเปรี้ยวที่มีโพรไบโอติกส์ คือ จุลินทรีย์แลกโตบาซิลัส พาราคาเซอิ 431 ต่อการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันไข้หวัดใหญ่ งานวิจัยครั้งนี้มีอาสาสมัครสุขภาพดี อายุ 18-45 ปี เข้าร่วมโครงการจำนวน 60 คน โดยแบ่งเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งได้รับนมเปรี้ยวที่มีโพรไบโอติกส์ อีกกลุ่มได้รับนมแต่งกลิ่นรสที่ไม่มีโพรไบโอติกส์ จากผลการวิจัยพบว่าในอาสาสมัครที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หากได้รับวัคซีนร่วมกับรับประทานนมเปรี้ยวที่มีโพรไบโอติกส์จะมีอัตราการสร้างภูมิคุ้มกันใหม่ ต่อเชื้อ H1N1 และ H3N2 สูงกว่ากลุ่มที่รับนมที่ไม่มีโพรไบโอติกส์
นอกจากนี้ มีรายงานการวิจัยในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติพบว่า โพรไบโอติกส์จุลินทรีย์ชนิดอื่น เช่น Lactobacillus acidophilus NCFM และ Bifidobacterium animalis subsp lactis Bi-07 ก็ให้ผลช่วยลดอาการไข้ คัดจมูก และลดจำนวนวันที่ป่วยด้วยไข้หวัดในเด็กและผู้ใหญ่สุขภาพดีได้เช่นกัน
Influenza is one of the world most common infectious disease of upper respiratory system. Influenza is caused by infection of viruses including influenza A and influenza B.
The most effective strategy for prevention of influenza is influenza vaccination especially for children and elderly. However, influenza vaccines are not completely effective. After vaccination, some people do not have elevated immune materials (antibodies). Therefore, it is crucial to identify a strategy to improve immune response following influenza vaccination.
Recently, researchers from Mahidol University has collaborated to perform a clinical research. The study aimed to investigate the effect of drinking fermented milk containing Lactobacillus paracasei 431 on immune response following influenza vaccination. The study recruited sixty healthy volunteers aged 18-45 years old. The participants had been randomly divided into two groups with thirty person each. A group received drinking fermented milk containing probiotics, while the other group received a placebo milk (flavored milk with no probiotics). This research study demonstrated that drinking fermented milk containing probiotics increased rate of new immune formation (seroconversion rate) against H1N1 and H3N2 in participants with low influenza immune (HI titer less than 40) prior to vaccination.
Besides Lactobacillus paracasei, studies published in international journals reported that other probiotic microorganisms such as Lactobacillus acidophilus NCFM and Bifidobacterium animalis subsp lactis Bi-07 also had significant effect in reducing fever, nasal congestion and days of flu-like symptoms in healthy children and adults.
การเก็บ การเชื่อมโยง และการส่งต่อข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิผลโดยรวมได้อย่างไร
Mettler-Toledo (Thailand) Limited
กระแสในเรื่องของ Industry 4.0 กำลังได้รับความนิยมและให้ความสำคัญเป็นอย่างมากจากผู้ผลิตในปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการเก็บข้อมูล การเชื่อมโยงข้อมูล และการส่งต่อข้อมูลที่มีประสิทธิภาพนั้น สามารถช่วยให้การวิเคราะห์หรือการแก้ปัญหา ในขั้นตอนต่างๆ ของสายการผลิต เป็นไปอย่างถูกต้องและถูกทางมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การมีซอฟต์แวร์ที่ดี สำหรับการเก็บข้อมูล และ สามารถสร้างรายงานได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง เป็นสิ่งที่ผู้ผลิตในปัจจุบันมีความต้องการอย่างสูง
การมีระบบการเก็บข้อมูลที่ดี นอกจากจะช่วยพัฒนากระบวนการผลิตแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักรได้อีกด้วย (OEE – Overall Equipment Effectiveness)
การเก็บข้อมูลที่ดี ช่วยรับประกันในด้านคุณภาพของกระบวนการผลิต
เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าที่จะถูกจัดส่งต่อไปยังผู้บริโภค มักจะติดตั้งอยู่ที่จุด CCPs (Critical Control Points) เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าใดๆ ก็ตามที่อาจทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องมือลดลงหรือเปลี่ยนแปลงไป ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องสามารถหาคำตอบให้ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากสาเหตุใด ทำการเปลี่ยนแปลงโดยผู้ที่ได้รับมอบหมายหรือไม่ และเปลี่ยนแปลงค่าเมื่อใด หากเรามีซอฟต์แวร์ที่ทำการเก็บข้อมูลจริงที่มาจากเครื่องมือต่างๆ โดยตรง ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือและไม่สามารถแก้ไขข้อมูลเหล่านั้นได้ ซอฟต์แวร์ ดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือในการช่วยรายงานทุกกิจกรรมทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของสินค้า นั้นๆ และสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้อย่างถูกต้อง จึงจะทำให้มั่นใจได้ว่า กระบวนการผลิตยังคงสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตามมาตรฐานที่ทางผู้ผลิตต้องการได้อย่างต่อเนื่อง
การเข้าถึงข้อมูลที่ง่าย และสามารถตรวจสอบได้ทันที ทำให้การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในสายการผลิตทำได้อย่างทันท่วงทีและถูกต้อง ซอฟต์แวร์ ที่ดี ยังต้องสามารถสร้างรายงานในรูปแบบต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้หลากหลายอีกด้วย
Currently, Industry 4.0 is gaining popularity and importance from many food producers. Undeniably, effective data collection, connection, and transfer can help to correct and legitimize analysis and problem solving in the supply chain. Therefore, having a good software for data collection that can completely and correctly produce a report is what many producers are looking for.
Having a good data collection system will not only improve the production line, but also increase Overall Equipment Effectiveness (OEE).
Good Data Collection Guarantees Quality Production
Product Inspection Device is a tool to inspect the quality of the products that will be delivered to the customers and most of the time it is installed at Critical Control Points (CCPs). Whenever there is a new adjustment that could alter the efficiency of the tool, it is crucial to find out when and why the adjustment must take place and if it is done by the person assigned for the task. If we have a software that collects raw data – which is reliable and unalterable – from various tools, the software will do an important work in reporting any changes that happen to the inspection machines and allow trace back. With such tool, you can be confident that the production process will continue to produce goods that are up to the standard as demanded by the manufacturers.
Easy access and immediate checkback will allow problems in the manufacturing process to be solved accurately in due time. A good software should also be able to create a report in various formats in order to produce good references.