เบทาโกร จับมือจุฬาฯ เปิดตัวโครงการ Social Shaker Season 1

กรุงเทพฯ

สำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานเปิดตัวโครงการ “Social Shaker Season 1” พร้อมจัดเสวนาในหัวข้อ “ความร่วมมือในรูปแบบ U-I-G (University, Industry, Government) สู่ผลกระทบที่มากขึ้นในการพัฒนาสังคม” โดยผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วนัส แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือเบทาโกร มณีรัตน์ อนุโลมสมัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (Thailand) ต้องใจ ธนะชานันท์ กรรมการผู้จัดการประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) และ ชยุตม์ สกุลคู ประธานบริษัท Tact Social Enterprise ณ หอประชุมอาคารเจริญวิศวกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

U-I-G คือความร่วมมือภายใต้ความสัมพันธ์ของ 3 ภาคส่วน ได้แก่ ภาคมหาวิทยาลัย (University) ภาคธุรกิจ (Industry) และ ภาครัฐบาล (Government) เพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนแนวใหม่ที่หลุดออกจากกรอบเดิม โดยมีบริษัท Tact Social Enterprise ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในนามกลุ่ม STEPS ภายใต้การดูแลของสำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการสนับสนุนจากเครือเบทาโกร เข้ามาดำเนินงานเชื่อมโยงระหว่าง 3 ภาคส่วน ให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ผลักดันให้นิสิตนักศึกษาได้พัฒนาทักษะของตนเองผ่านการทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยบริหารจัดการงบประมาณด้านซีเอสอาร์ของบริษัทเอกชน ให้ตอบโจทย์ความต้องการจริงของชุมชน เพื่อให้เกิดเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สำหรับ Social Shaker Season 1 ในปีพ.ศ.2561 นี้ จะดำเนินโครงการพัฒนาสังคม ด้วยกัน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนานักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ในอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ให้เกิดการพัฒนาจุดแข็ง มีการวางแผนชีวิต และเกิดความตระหนักถึงสังคมส่วนรวม ผ่านกิจกรรมนอกห้องเรียน โครงการพัฒนาร้านอาหารให้มีคุณภาพ ทั้งในมิติของ ความปลอดภัยและคุณภาพ (Safety & Quality) ประสิทธิภาพ (Efficiency) ประสบการณ์ร่วมของลูกค้า (Customer Experience) เพื่อแก้ไขปัญหาของร้านอาหารในสังคมเมือง และโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community-based Tourism) ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ และออกแบบเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ชุมชน

DKSH expands and upgrades to state-of-the-art food and beverage innovation center in Thailand

DKSH ทุ่มทุนขยายและปรับปรุงศูนย์นวัตกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ทันสมัยในประเทศไทย

 

กรุงเทพฯ, 19 มกราคม 2561 – กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรม บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ลงทุนขยายและปรับปรุงศูนย์นวัตกรรมในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจอุตสาหกรรมและเครื่องดื่ม โดยมุ่งเน้นในด้านการพัฒนาสูตรและสนับสนุนข้อมูลเชิงเทคนิคให้กับคู่ค้าในประเทศไทย ศูนย์นวัตกรรมพื้นที่ 130 ตารางเมตร ที่ปรับปรุงใหม่นี้เปรียบเสมือนทั้งสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของบริษัทฯ และเป็นการตอกย้ำการให้บริการที่เป็นเลิศกับกลุ่มลูกค้า แบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ ห้องปฏิบัติการพัฒนาสูตรสำหรับผลิตภัณฑ์นมและเครื่องดื่ม ห้องปฏิบัติการสำหรับอาหารแปรรูปและกลุ่มธุรกิจฟู้ดเซอร์วิส และห้องปฏิบัติการผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ โดยในแต่ละปีได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต้นแบบออกมาถึง 150 ผลิตภัณฑ์ กว่า 200 สูตร อาทิ เบเกอรี่ (เค้กมาม่อน มัฟฟินสูตรน้ำตาลต่ำ และครัวซองต์ปราศจากไขมันทรานส์) นมและเครื่องดื่ม (เครื่องดื่มฟังก์ชันนัล น้ำผักและผลไม้ และกรีกโยเกิร์ต) และผลิตภัณฑ์อาหารคาว (ไส้กรอกไขมันต่ำ มายองเนสปราศจากไข่ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูตรลดเกลือ)

 

ทั้งนี้ ดีเคเอสเอชมีศูนย์นวัตกรรมสำหรับอาหารและเครื่องดื่มอยู่ 7 แห่ง และห้องปฏิบัติการด้านการประยุกต์ใช้อีก 14 แห่งในภูมิภาคเอเชียและยุโรป พรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือทันสมัย เพื่อให้บริการในด้านการพัฒนาสูตร การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การทดสอบความคงตัวของผลิตภัณฑ์ การประเมินทางประสาทสัมผัส การทดลองผลิต ตลอดจนการฝึกอบรมเชิงเทคนิค นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์นวัตกรรมจะทำงานร่วมกับลูกค้าในการให้คำปรึกษาและสนับสนุนข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์อาหารอีกด้วย

 

Mr.Thomas Sul, DKSH’s Co-Head Business Unit Performance Materials ระบุว่า “ด้วยเครือข่ายในการจัดหาวัตถุดิบที่มีอยู่ทั่วโลกของดีเคเอสเอช ศูนย์นวัตกรรมแห่งนี้จะช่วยให้เราสามารถนำเสนอเทรนด์นวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มใหม่ๆ จากประเทศอื่นๆ มาสู่ประเทศไทย โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของท้องถิ่น ประกอบกับการสนับสนุนในด้านการพัฒนาสูตรจากดีเคเอสเอช ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของไทยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ในเชิงสุขภาพ สูตรน้ำตาลน้อย สูตรไขมันต่ำ และสูตรลดเค็ม เป็นต้น”

 

สอดคล้องกับนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ของรัฐบาลไทย ศูนย์วิจัยนี้ยังช่วยเอื้อประโยชน์ให้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มของไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังตลาดอื่นๆ คุณทรงสิน สังขเวทัย ผู้จัดการทั่วไป – อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรม บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า “เราสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน เนื่องจากศูนย์นวัตกรรมของเราทำงานร่วมกับศูนย์นวัตกรรมอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ศึกษาเรื่องการปรับปรุงสูตรอย่างเชื่อมโยงและใกล้ชิด เราสามารถปรับใช้ข้อมูลการปรับปรุงสูตรจากหลายประเทศเข้ากับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการส่งออกสินค้าอาหารและเครื่องดื่มไปยังประเทศต่างๆ ที่ต้องการ”

 

“จากเจ้าหน้าที่ 1,000 คนในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรม เรามีเจ้าหน้าที่กว่า 50 คนที่ทำงานในศูนย์นวัตกรรมและค้นคว้าสูตรอาหารใหม่ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 5 ของพนักงานทั้งหมด พวกเขาร่วมระดมสมองเพื่อค้นหาความคิดใหม่ สูตรใหม่ แนวคิดใหม่ วิจัยตลาดและเก็บข้อมูลตลาด รวมทั้งการดูแลในเรื่องกฎหมายต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเราสามารถปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น” Dr.Natale Capri, DKSH’s Co-Head Business Unit Performance Materials กล่าวเสริม “เราลงทุนอย่างเต็มที่ในด้านการบริการเพื่อเพิ่มมูลค่า ข้อมูล องค์ความรู้ และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้กับคู่ค้าทางธุรกิจของเรา”

 

เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาสูตร ดีเคเอสเอชได้นำเสนอส่วนผสมอาหารหลายรายการ ซึ่งมีการพัฒนาและปรับปรุงอยู่เสมอ “เราต้องสร้างความมั่นใจตั้งแต่ต้นว่า ส่วนผสมอาหารที่เรานำเสนอนั้นมีพร้อมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้เรายังช่วยสรรหาบริษัทผู้รับจ้างผลิต (OEM) และให้คำแนะนำในเรื่องการขึ้นทะเบียนและการกล่าวอ้าง เหล่านี้เป็นการเพิ่มมูลค่าในบริการของเราให้กับลูกค้าอีกด้วย” คุณทรงสิน กล่าว

 

Dr.Capri เสริมว่า “ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรายังดูแลคู่ค้าในประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา โดยในปี 2561 นี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตถึงร้อยละ 5 และเราหวังที่จะเติบโตขึ้นเช่นกันจากเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นในประเทศไทย”

 

ด้าน Mr.Sul ประเมินว่า ในปี 2561 ตลาดในประเทศไทยน่าจะมองหาสินค้าที่ลดน้ำตาล ลดเค็ม ปราศจากไขมันทรานส์ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทดแทนเนื้อสัตว์สำหรับผู้ที่รับประทานทานเจหรือมังสวิรัติ ตลอดจนผลิตภัณฑ์นูทราซูติคัล “เราสามารถช่วยเหลือคู่ค้าโดยทำงานร่วมกันเพื่อมองหาเทรนด์ใหม่ๆ สรรหาผู้จำหน่ายส่วนผสมอาหารที่ใช่ และพัฒนาปรับปรุงสูตรเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคในประเทศไทย”

 

DKSH expands and upgrades to state-of-the-art food and beverage innovation center in Thailand

Bangkok, 19 January 2018 – DKSH’s Business Unit Performance Materials has made a major investment in its food and beverage business by expanding and upgrading its innovation center in Thailand. The innovation center, which is both a symbol of the company’s achievements to date and represents its commitment to providing continued operational excellence to clients, specializes in developing food and beverage formulations and provides expert technical support to its business partners in Thailand. The center has a capacity of 130 sq. m. and caters for three segments of the food and beverage industry: beverage and dairy (for formulations), processed food and food service (for savory applications) and bakery (for bakery applications). Currently, it develops over 150 prototypes and 200 formulations per year including: unique bakery products such as mamon cakes, low sugar muffins and transfat-free croissants; beverage and dairy products such as functional drinks, fruits and vegetable drinks and greek yoghurt; and savory products such as low-fat sausages, egg-free mayonnaise and low sodium instant noodles.

 

Joining a network of seven DKSH food and beverage innovation centers (with 14 application laboratories) in Asia and Europe, the center houses some of the industry’s most advanced development and analysis equipment. It provides a broad range of specialized services including: formulation application, product ideation and development support, stability testing, sensory evaluation, pilot trials and technical training. In addition, its specialists work closely with a dedicated regulatory team to provide consultation and support for the complex regulatory environment of the food and beverage industry in Thailand.

 

DKSH’s Co-Head Business Unit Performance Materials, Mr.Thomas Sul, stated that “Together with our global sourcing network, this innovation center enables us to introduce, to Thailand, the latest innovative food and beverage trends from the other markets and custom them to local needs.” This will allow Thai food and beverage businesses to develop new products that are “more healthy, low in sugar, low in fat and low in salt” thanks to our performance-enhancing formulations.

 

Conforming with Industry 4.0 policy implemented by the Thai government, the innovation center can support Thai food and beverage producers export their products to other markets. “We can leverage each other”, said Mr.Songsin Sungkhawaetai, DKSH’s General Manager – Food & Beverage Industry, Business Unit Performance Materials, “We work in close collaboration with our network of innovation centers in Asia Pacific, all of which produce food formulations. This allows us to introduce innovative formulations across the region to business partners that export food and beverage products”.

 

“There are over 1,000 specialists in DKSH Business Unit Performance Materials globally and we count more than 50 people who are based in innovation centers. This means that more than 5% of the workforce develops new ideas, new formulations and new concepts and undertakes market research and market intelligence activities. To support our innovation specialists, we have a regulatory team who ensure that we comply with all existing, new and upcoming laws and legislations”, added Dr.Natale Capri, DKSH’s Co-Head Business Unit Performance Materials. “We are investing a lot in our value-added services to ensure that our excellence in innovation, sourcing, regulatory and information allows us to develop exciting new products for our business partners.”

 

In order to help customers with formulations, DKSH provides a comprehensive portfolio of specialist food ingredients, which is regularly updated with new sources. “We ensure that a wide range of innovative ingredients are available to our business partners, as well helping them to find suitable OEM companies. We also provide consultation regarding FDA registration and health claims, bringing added valued to our service offerings”, said Mr.Sungkhawaetai.

 

Dr.Capri later added that “Thailand is the hub for Southeast Asia. Our business partners in Cambodia, Lao PDR and Myanmar also benefit from the advancements we make in Thailand and throughout the region.” and that “In 2018, we have high expectations. The Thai economy is expected to increase by 5% – this boom will provide us with some good market opportunities.”

 

The prediction for 2018 as viewed by Mr.Sul is that Thailand will yearn for products that offer sugar reduction, salt reduction, trans-fat free, meat replacement (for vegan and vegetarian) and nutraceutical benefits. “We work hand-in-hand with our business partners to identify trends, secure the right ingredient suppliers and produce formulations that fit to Thai tastes.”, said Mr.Sul.

www.dksh.co.th

 

 

(From left to right)

  1. 1. Mr.Mathias Greger, Vice President, Business Unit Performance Materials, DKSH Thailand
  2. 2. Dr.Natale Capri, Co-Head Business Unit Performance Materials, DKSH
  3. 3. Mr.Stefan P. Butz, Chief Executive Officer, DKSH
  4. 4. Mr.Thomas Sul, Co-Head Business Unit Performance Materials, DKSH
  5. 5. Mr.Ben Hopkins, Vice President, Global Food & Beverage Industry, Business Unit Performance Materials, DKSH
  6. 6. Mr.Douglas Humphrey, Head Country Management, DKSH Thailand

Internet of Things (IoT) for the Food & Beverage Industry

Internet of Things (IoT) อาวุธลับอัจฉริยะในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

Compiled and Translated By:

Editorial Team
Food Focus Thailand Magazine

Full article TH-EN

เราเคยได้ยินเกี่ยวกับแนวคิด Internet of Things (IoT) หรือเครือข่ายของสิ่งที่เป็นตัวตนจับต้องได้กันมาแล้ว และรู้ดีว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการทางด้านดิจิทัล แนวคิดดังกล่าวนี้มีผลกระทบอย่างไรต่ออุตสาหกรรมอาหาร

IoT คือ ทุกสิ่งทุกอย่างในแต่ละวัน รวมถึงสินค้าต่างๆ ที่ถูกเชื่อมโยงสู่อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน โดยที่มีปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย

ดังนั้น IoT จึงครอบคลุมเทคโนโลยีหลากหลายประเภท ได้แก่ เทคโนโลยีการระบุสิ่งต่างๆ โดยอาศัยคลื่นวิทยุ (Radio Frequency Identification; RFID) เทคโนโลยีการส่งข้อมูลผ่านการเชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยคลื่นวิทยุ (Near Field Communication; NFC) เทคโนโลยี Wi-Fi ระบบข้อมูลเซลลูลาร์ และบลูทูธ ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายที่โดยปกติแล้วใช้รูปแบบของการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต

บทบาทของ Internet of Things ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านเชื่อว่าอุตสาหกรรมอาหารมีความพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีต่างๆ ตามแนวคิด IoT ซึ่งมีความสามารถที่จะพัฒนาการตรวจสอบย้อนกลับ ลดปัญหาอาหารที่ถูกทิ้ง และเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและจัดการกับผลิตภัณฑ์อาหารได้อย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี RFID ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแก้ไขปัญหาทั้งปัญหาทางเทคนิคและเรื่องทั่วไปที่อุตสาหกรรมอาหารเผชิญ

บริษัทด้านเทคโนโลยีหลายรายเริ่มค้นหาศักยภาพในการนำเทคโนโลยี RFID มาใช้กับอุตสาหกรรมอาหารและร้านค้าปลีก โดยเลือกผู้แทนจัดจำหน่ายสินค้าอาหารในยุโรปและติดแท็ก RFID บนบรรจุภัณฑ์ขนส่งสำหรับขนส่งอาหารไปยังร้านค้าปลีกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการขนส่งสินค้าที่แม่นยำและสามารถติดตามข้อมูลบนบรรจุภัณฑ์ได้โดยตลอดซัพพลายเชน

Many of us will have heard of the Internet of Things (IoT) and recognize it as part of the digital revolution, but it may be unclear what it really means and how it is likely to impact the food industry.

IoT is about everyday objects and products becoming associated with electronic devices that network together, and with software systems to collect and exchange data with little or no human intervention.

The IoT embraces a wide range of technologies, including Radio Frequency Identification (RFID), Near Field Communication (NFC), Wi-Fi, Cellular and Bluetooth all linked to networks that normally use the Internet as a form of communication.

How will the Internet of Things Impact on Food & Beverage Industry?
Many experts believe the food industry is ready to benefit from these new IoT technologies that have the ability to improve traceability, reduce food waste and increase efficiencies in transport and handling of food products. In particular one technology- RFID holds potential to address both the unique and not-so-unique issues faced by the food industry.

Select food distributors in Europe have begun attaching RFID tags to reusable totes used to deliver food to grocery stores to ensure accurate delivery and to track the totes through the supply chain.

Be More thorough for the Safety of your Food

รอบคอบสักนิด…อาหารปลอดภัย

โดย: สหัส รัตนะโสภณชัย
Sahas Ratanasoponchai
Assistant Vice President: Hygiene Business
Betagro Group

Full article TH-EN

ผู้ประกอบการทุกรายต่างต้องการให้อาหารหรือสินค้าของตัวเองมีคุณภาพและความปลอดภัยอย่างแท้จริง แม้จะมีการลงทุนมากมายทั้งในทรัพย์สินและระบบคุณภาพมาตรฐานต่างๆ แต่ท้ายสุดก็ยังประสบปัญหามีสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพหรือไม่ปลอดภัยหลุดรอดออกมาจากระบบ หนทางหนึ่งที่จะช่วยกลั่นกรองได้ก็คือ ความรอบคอบใส่ใจให้มากขึ้น รวมทั้งการมีวินัยในการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ

ลองสำรวจความรอบคอบที่ควรใส่ใจกันว่ามีหนทางใดบ้าง

รอบคอบอีกสักนิด ลองดูว่าสารฆ่าเชื้อทำความสะอาดเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ต้องสัมผัสอาหารหรือสินค้าของเรา มีสารต้องห้ามหรือเป็นอันตรายต่อมนุษย์ที่ไม่สามารถบริโภคได้อยู่หรือไม่ ชื่อสารเคมีบางตัวอาจคล้ายหรือใกล้เคียงกัน แต่มีโทษแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

รอบคอบอีกสักหน่อย สืบค้นแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่เติมลงในสินค้า แม้จะเป็นเพียงวัตถุดิบเล็กน้อย แต่อาจส่งผลมหาศาลให้อาหารไม่ปลอดภัยได้ วัตถุดิบตัวเดียวกันอาจมาจากแหล่งที่ไม่ได้มาตรฐานในการผลิต ไม่ได้สุขลักษณะที่ดี มีผลต่อสินค้าอย่างแน่นอน

รอบคอบสักนิดในการดูแลบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการผลิตว่ามีสุขอนามัยอย่างไร หากมีพนักงานป่วยหรือบาดเจ็บก็ไม่สมควรเข้าไปอยู่ในกระบวนการผลิต รวมทั้งเป็นการปกป้องดูแลสุขภาพของพนักงานเองจะได้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ให้ไปทำงานอื่นหรือพัก อันจะทำให้พนักงานพร้อมที่จะกลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

Products’ safety and quality are fundamentally the main concerns of virtually every operator in any industries. No matter how much investment was made on infrastructures, quality assurance and quality control systems, still the problem of under-quality or unsafe products persists. One more layer of failure filter lies simply on the unyielding thoroughness and discipline of the personnel.

Let’s explore on which part of the operation that more thoroughness can be applied.

Let’s be a bit more thorough, and spend some more time checking the chemicals in cleaning and disinfectants agents used to clean the machines that have direct contact with our products–making sure they contain no harmful or prohibited substances. Some chemicals have very similar or almost identical names, yet they are very far different in composition and toxicity.

Let’s be a bit more thorough, and spend some more time checking credentials of the suppliers and sources of our raw materials. Even the smallest amount of raw material–if they are contaminated, they can jeopardize the safety of our food products. Raw material that comes from a source that practices with lower standard or unhygienic equipments can indeed affect the product’s safety.

Let’s be a bit more thorough, and spend some more time inspecting the health and hygiene of our personnel, especially those directly involved with production lines. Give them time off from work to rest and recovery, so that they can come back to work as healthy and efficient workforce.

8 Things to Know When Specifying Vacuum Conveying Systems for Powders

8 ข้อควรรู้ในการเลือกระบบลำเลียงแบบสุญญากาศสำหรับวัสดุแบบผง

David Kennedy
Translated by: Editorial Team

Full article TH-EN

ระบบลำเลียงแบบสุญญากาศสำหรับผงและการลำเลียงวัสดุในปริมาณมากมักต้องระมัดระวังความเสี่ยงต่างๆ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นถึงปลายทาง วัสดุที่เป็นผงมักถูกลำเลียงจากต้นทางเข้าสู่กระบวนการผลิตด้วยสุญญากาศหรือแรงดันติดลบ โดยประโยชน์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของระบบลำเลียงแบบสุญญากาศ คือความสามารถในการควบคุมฝุ่น ซึ่งในอุตสาหกรรมฝุ่นที่ติดไฟได้ถือเป็นประเด็นหนึ่งด้านความปลอดภัย
ระบบควบคุมจะช่วยให้การเคลื่อนย้ายและการนำสินค้าออกทำได้ทุกเวลา ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งในกระบวนการผลิตขนาดใหญ่ที่ต้องการขนถ่ายวัสดุจำนวนมากจากบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ เช่น ถุงขนาดใหญ่ รถราง และไซโล โดยใช้กระบวนการอัตโนมัติเป็นหลักซึ่งจะช่วยลดการย้ายสินค้าจากบรรจุภัณฑ์หนึ่งไปอีกบรรจุภัณฑ์หนึ่งบ่อยๆ
เพื่อออกแบบระบบลำเลียงที่เหมาะสม เราจึงควรหาข้อสรุปและเรียนรู้เกี่ยวกับ 8 ปัจจัยเหล่านี้ในกระบวนการผลิต
1. ความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์
2. ระยะทางในการลำเลียง
3. อัตราการลำเลียง
4. รับวัสดุอย่างไร
5. เข้าใจกระบวนการผลิตก่อนหน้า
6. เงื่อนไขของพื้นที่
7. ความต่อเนื่องของระบบลำเลียง
8. สภาพบรรยากาศแวดล้อม

Vacuum conveying systems for powders and other bulk materials involve a starting point and a destination, avoiding many hazards along the way. Powders are transferred from various sources to the processing line using vacuum or negative pressure. The number one advantage of vacuum conveying is dust control, and in an industry, combustible dust is a safety issue.

System controls allow material to convey and discharge on demand, ideal for larger applications requiring movement of bulk materials from larger containers such as bulk bags, totes, railcars, and silos without a lot of manual intervention, reducing frequent container changes.

To properly design a pneumatic conveying system, it is important to define the following 10 key criteria in your process:
1. KNOW YOUR BULK DENSITY
2. KNOW YOUR CONVEYING DISTANCE
3. KNOW YOUR CONVEYING RATE
4. KNOW HOW YOU RECEIVE THE RAW MATERIALS
5. KNOW YOUR UPSTREAM PROCESS
6. KNOW YOUR HEADROOM REQUIREMENTS
7. IS YOUR PROCESS BATCH OR CONTINUOUS?
8. KNOW YOUR GEOGRAPHIC OR ATMOSPHERIC CONDITIONS

Global Innovation Incubator (Gii) Creating Differences through Innovation

ศูนย์นวัตกรรม Global Innovation Incubator (Gii)
สร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม

โดย:
Editorial Team
Food Focus Thailand Magazine

Full article TH-EN

ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนในการให้ความสำคัญกับนวัตกรรมเพื่อสร้างอนาคตของธุรกิจ ทางบริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดตั้งศูนย์นวัตกรรม (Global Innovation Incubator หรือ Gii) ขึ้นในปี 2558 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างไทยยูเนี่ยน และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและผู้บริโภค ด้วยงบลงทุนกว่า 900 ล้านบาท จนถึงปัจจุบันนี้

ศูนย์กลางด้านการวิจัยและพัฒนา
“หากเป็นงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในแนวทางการปรับปรุงและพัฒนาสูตร (Cuisine development) หรืองานวิจัยและพัฒนาที่มีองค์กรอื่นๆ ทำอยู่แล้ว นั่นไม่ใช่เป้าหมายของ Gii” ดร.ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มด้านนวัตกรรมของไทยยูเนี่ยน กล่าวเริ่มต้น พร้อมขยายความว่า ไทยยูเนี่ยนมีหน่วยงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) อยู่แล้วทั้งในโรงงานเองและหน่วยงานด้าน R&D ในประเทศฝรั่งเศส โดยเน้นไปในแนวทางการปรับปรุงและพัฒนาสูตร แต่ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือไทยยูเนี่ยนทั่วโลก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อมาพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิตและหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะวัตถุดิบปลาทูน่าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหารทะเลเพื่อสร้างคุณประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค ทั้งยังทำหน้าที่เชื่อมโยงทางวิทยาการโภชนาการสมัยใหม่เข้ากับนวัตกรรมการผลิต เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและอุตสาหกรรมอาหารโลก ทางไทยยูเนี่ยนจึงได้จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมขึ้นบนพื้นที่กว่า 1,200 ตารางเมตร ณ ตึกเอ็น (N) ชั้น 6 ภายในคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นับเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาที่มีความทันสมัยที่สุดแห่งแรกของวงการอุตสาหกรรมอาหารทะเล

นวัตกรรมสร้างความแตกต่าง
“เราต้องตีโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้แตก และสรรหาเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อขยายผลออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ให้ได้” ดร.ธัญญวัฒน์ กล่าว พร้อมยกตัวอย่างผลงานชิ้นโบว์แดงจากศูนย์นวัตกรรมที่ได้ขยายไปสู่เชิงพาณิชย์ ได้แก่ ทูน่าสไลซ์ และไส้กรอกทูน่า ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทั้งสองชนิดผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100%

 

With a clear focus on innovation that hopes to lay solid future for the company, Thai Union Group PCL set up its Global Innovation Incubator (Gii) in 2015. Over THB 900 million has been investing in several projects to create innovations that will answer demand of the market and consumers, under the research collaboration of Thai Union and Mahidol University’s Faculty of Science.

Center of Research and Development
“Research and development in terms of cuisine development, or research and development that has been conducted by other organizations is not the target of Gii”, explained Dr.Tunyawat Kasemsuwan, Global Innovation Director of Thai Union. As of now, Thai Union already has R&D units both at its factories and a separate R&D unit in France that focuses on cuisine development. However, Gii plans to become the center of research and development for all Thai Union products that are sold and to be sold across the globe, as well as an innovation center to develop production process and product categorization, particularly tuna and seafood, to bring out the greatest benefits for consumers. Not only that, Gii is also positioned as a hub linking advanced researches in nutrition with the company’s processing chain to create products that fit nicely to the market demand and the global food supply chain. These reasons are why Thai Union established Gii across 1,200 sq.m. on 6th floor of the N building at the Faculty of Science, Mahidol University. The center is considered to be the first and most advanced R&D center in the seafood industry.

Innovations that Create Differences
“We need to crack the code and truly understand the consumers’ demand, then find the right technology to bear fruitful result which is the product”, said Dr.Tunyawat. He later exampled patented “sliced tuna and “tuna sausage”. Notably, the products are manufactured using 100% natural ingredients.

The Most Recent Food Regulations Have Been Enforced FDA Optimizes Health Products Approval Process Via Article 44

กฎระเบียบด้านอาหารล่าสุดที่มีผลบังคับใช้
อย. เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44

By: Bureau of Food
Food and Drug Administration, Ministry of Public Health

สำนักอาหาร
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข

Full article TH-EN

จากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประสบปัญหากระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพล่าช้า เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ประเมิน ตรวจสอบ และตรวจวิเคราะห์คำขอผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศในการขับเคลื่อน Thailand 4.0 และ Startup ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้อำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 77/2559 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2559 เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งรัดการพิจารณาอนุญาตของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้เป็นไปตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในกฎหมาย ผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบบการอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพและระบบการคุ้มครองผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยยิ่งขึ้น เป็นการปฎิรูประเบียบราชการเพื่อประโยชน์ประชาชน พร้อมทั้งมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศอย่างยั่งยืน ทำให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพมาตรฐานได้หลากหลายประเภทมากขึ้น อันส่งผลให้เกิดทางเลือกในการส่งเสริมสุขภาพอนามัยได้มากยิ่งขึ้น

ในการเพิ่มประสิทธิภาพการพิจารณาอนุญาตด้านอาหาร ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 77/2559 ได้ให้อำนาจสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในการเรียกจัดเก็บค่าพิจารณาอนุญาตด้านอาหาร และกำหนดให้มีผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบ เพื่อให้กระบวนการพิจารณาอนุญาตด้านอาหารเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในกระบวนการพิจารณาอนุญาตของส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

 

Faced with tardy services of health products approval process, stemming from insufficient number of experts for health products evaluation, verification and analysis, which have become a hindering factor against the nation’s vital economic policies aimed to drive Thailand 4.0 and Startup projects, the Food and Drug Administration (FDA) thus proposes a countermeasure by soliciting the Head of The National Council for Peace and Order (NCPO) to issue, by virtue of the Article 44 of the Constitution of the Kingdom of Thailand (Interim) B.E.2557 (2014), NCPO Order No.77/2559, dated 27th December B.E.2559 (2016) Re: Health Products Approval Process, with an objective to accelerate the FDA approval procedure to meet established timeframe as stipulated by law – an effort that will encourage the reform, modernization, and optimization of health products approval process and consumer protection systems. Such initiative could be considered a reformatory attempt of the government regulations for the benefit of the people. A special emphasis shall be put on the sustainable creation of health product innovations through national researches and studies, thus enabling the public to access a wider array of standard and quality health products and resulting in higher number of health promotion alternatives.

Regarding the improvement of food approval evaluation, the NCPO Order No.77/2559 grants the FDA power to charge for food permission evaluation fees and to appoint experts and specialized private or government organizations, either national or international, to conduct technical document assessment, analysis, establishment inspection or verification in order to facilitate and a more the effectiveness of the approval process at both central and local agencies offices.

Optimize Meat Production Yield Monitor Efficiency from Anywhere

ตรวจสอบประสิทธิภาพได้ทุกที่ทุกเวลา…ตัวเลือกการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์

Mettler-Toledo (Thailand) Limited

Full article TH-EN

สำหรับขั้นตอนการเตรียมเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก หรือปลา โดยทั่วไปนั้น ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องมีกระบวนการควบคุมการผลิตที่ซับซ้อนเพื่อให้ได้มาซึ่งการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างหนึ่ง เช่น ผู้ผลิตสัตว์ปีกและปลาในอินเดียได้ลงทุนสำหรับการเก็บข้อมูลพื้นฐานและซอฟแวร์สำหรับการแสดงผลที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งตอนนี้ได้รับประโยชน์จากการตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์ ช่วยลดของเสียที่ไม่จำเป็น และยังช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ทั้งหมดนี้ล้วนช่วยให้เกิดประสิทธิภาพโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ผลิตเนื้อสัตว์ปีกและอาหารทะเลจากอินเดีย ได้ทำการติดตั้งเครื่องชั่งเทคโนโลยีสูงรุ่นล่าสุด1 ในพื้นที่การผลิตเนื้อสัตว์ปีกทั้งสามแห่ง แล้วทำการรวบรวมข้อมูลจากเครื่องชั่ง1เหล่านี้ด้วยซอร์ฟแวร์พัฒนาพิเศษ2 เพื่อประมวลผล ซึ่งทำให้บริษัทจากอินเดียแห่งนี้สามารถตรวจสอบผลลัพธ์จากการแสดงผลบนแดชบอร์ดที่หลากหลายรูปแบบ ติดตามประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในสายการผลิต การวิเคราะห์ผลผลิตและปรับปรุงการตรวจสอบย้อนกลับของผลิตภัณฑ์ ระบบดังกล่าวได้ส่งมอบผลลัพธ์ที่น่าประทับใจและให้คำแนะนำสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตต่อๆ ไปได้อย่างดี

ปรับปรุงการตรวจสอบย้อนกลับ…การตรวจสอบสินค้าเข้า
ในบริเวณทางเข้าขาเข้าทั้งหมดไก่มีการชั่งน้ำหนัก ควบคุม และจัด ก่อนที่จะถูกส่งไปยังเขตบรรจุภัณฑ์ แดชบอร์ดสำหรับบริเวณนี้จะช่วยในการบ่งชี้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ การชั่งน้ำหนักผลได้ และคำนวณผลรวมที่เข้ามา

When manually preparing meat, poultry or fish, efficient process control doesn’t need to be complicated. An India-based poultry and fish producer invested in basic data collection and visualization software and now benefits from high product traceability, less waste, and optimized procedures.

Last year, an India-based poultry and seafood producer installed bench scales1 throughout three poultry production areas. By combining these scales with a data collection software2, the company can now monitor results on multiple dashboards, track operator efficiency, analyze yields, and improve product traceability. The system is delivering impressive results and providing guidance for further process optimization.

Improve Traceability…Monitor Goods-In
In the entrance zone, all incoming chickens are weighed, controlled, and classified before being sent to the packaging zone. The dashboard for this area indicates product data, weighing results, and incoming totals.

Post Show – Food Focus Thailand Roadshow # 1

Full article TH-EN

ปักหมุดความสำเร็จที่พิกัดแรก…จังหวัดนครราชสีมา นิตยสาร ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพื้นฐานองค์ความรู้เรื่อง “อาหารปลอดภัย” และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยให้พร้อมก้าวสู่ตลาดในระดับสากลอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

Global Food & Drink Trend 2018
เทรนด์มาแรงของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของโลกในปี 2561 พบว่า Reality & Transparency, Self-Fulfilling Practices, New Sensations, Science Fare และ Preferential Treatment จะเป็นเทรนด์สำคัญที่อยู่ในกระแสความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยผู้บริโภคมีความอยากรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มากขึ้น การกินที่ตอบโจทย์ด้านอารมณ์ การใช้รสสัมผัสใหม่ๆ และการใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรมในการผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

Food Defense: Strategies for Achieving Food Security
ระบบการควบคุมและป้องกันการก่อการร้ายในธุรกิจอาหารจะมีความแตกต่างจากระบบการจัดการด้านความปลอดภัยในอาหาร เช่น ระบบการวิเคราะห์อันตรายและการกำหนดจุดควบคุมวิกฤติ (HACCP) และเพื่อให้เข้าใจถึงประเด็นปัญหาด้านการก่อการร้ายในธุรกิจอาหาร จึงควรทำความเข้าใจถึงมูลเหตุและผลกระทบของการก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจอาหาร โดยพิจารณาถึงสถานการณ์ในปัจจุบันที่สุ่มเสี่ยงต่อการก่อการร้ายในธุรกิจอาหารที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น การสำรวจตรวจสอบเพื่อประเมินความเหมาะสมของมาตรการควบคุมและป้องกันขององค์กรจึงจำเป็นต้องมีการจัดทำขึ้นเพื่อควบคุมสถานการณ์การก่อการร้ายในธุรกิจอาหารได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

 

Starting from Nakhon Ratchasima, Food Focus Thailand Magazine aims to co-create the fundamental knowledge about “food safety” and increase the competitiveness of Thai food and beverage industry, allowing them to contest in the global level strongly and sustainably.

Global Food & Drink Trend 2018
Reality & Transparency, Self-Fulfilling Practices, New Sensations, Science Fare, and Preferential Treatment are global food and drink key trends in today’s consumer demand. Consumers are more curious about the product. They eat in response to a strong emotion, seek to new flavors, and trust the use of technology to produce as well as have significant sustainability perspectives.

Food Defense: Strategies for Achieving Food Security
Regarding to food safety concern, the controlling system and the food defense is different from the safety management system such as HACCP. To increase understanding on the issue of intentional food harming, we need to understand the impact and potential impact of intentional food contamination which could occur. Considering on the current possible risk situation of intentional food contamination that may occur at any time, we need to have a food defense approach in order to control and prevent the intentional food harming in the food business.

Minerals for Ageing Society

แร่ธาตุสำหรับผู้สูงอายุ

By: Cecilia Ng
Market Development Manager Health & Nutrition
Jungbunzlauer Singapore Pte. Ltd.

แปลและเรียบเรียงโดย/Translated by:
นริสรา เทวกุล ณ อยุธยา
Narissara Devakul Na Ayudhya
Technical Manager, Food & Beverage
Brenntag Ingredients (Thailand) Public Company Limited
narissara.devakulnaayudhya@brenntag-asia.com

Full article TH-EN

การเสริมสร้างแร่ธาตุในอาหารให้กับผู้สูงอายุเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างจะมีความซับซ้อน เนื่องจากผู้สูงอายุมีความต้องการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงความสามารถในการดูดซึมและนำสารอาหารต่างๆ ไปใช้ก็ลดลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะทุพโภชนาการและโรคต่างๆ ได้สูงขึ้น เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคกระดูกพรุน การเลือกแหล่งของแร่ธาตุที่จะนำมาเสริมอาหารสำหรับผู้สูงอายุจำเป็นต้องคำนึงถึงปริมาณแร่ธาตุ ความสามารถในการละลาย รสชาติ และที่สำคัญที่สุดคือ ความสามารถของแร่ธาตุนั้นๆ ในการถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเสริมสร้างแร่ธาตุสำหรับผู้สูงอายุ
แคลเซียมในรูปแบบเกลืออินทรีย์ เช่น แคลเซียมกลูโคเนต แคลเซียมแลคเตท และแคลเซียมแลคเตทกลูโคเนทมีข้อดีคือสามารถละลายน้ำได้สูง ทำให้สามารถถูกดูดซึมได้ง่าย แต่ข้อเสียก็คือแคลเซียมที่อยู่ในเกลือทั้งสามชนิดนี้มีปริมาณค่อนข้างต่ำ (ร้อยละ 9-13) ในขณะที่แคลเซียมในรูปแบบเกลืออนินทรีย์ เช่น แคลเซียมคลอไรด์ มีปริมาณแคลเซียมสูงถึงร้อยละ 36 ความสามารถในการละลายน้ำดี แต่มีข้อจำกัดเรื่องรสชาติ แคลเซียมในรูปแบบเกลืออนินทรีย์ชนิดอื่น เช่น แคลเซียมคาร์บอเนต และแคลเซียมฟอสเฟต ก็มีปริมาณแคลเซียมสูงเช่นเดียวกัน (ร้อยละ 38-40) แต่มีความสามารถในการละลายต่ำ

สังกะสีและการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย แต่มีความจำเป็นมากเนื่องจากเกี่ยวข้องกับหลายกระบวนการทำงานของร่างกาย เช่น ระบบการสร้างภูมิคุ้มกัน การนึกคิดและการรับรู้ รวมถึงการมองเห็น ภาวะการขาดสังกะสีพบได้ค่อนข้างน้อย แต่มีแนวโน้มสูงขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุ

 

Mineral fortification for the ageing society is a complex process, as their dietary requirements changes. The reduced ability to absorb and utilize nutrients efficiently, places them at a greater risk for malnutrition and diseases such as diabetes, cardiovascular diseases and osteoporosis. In selecting an appropriate mineral source, it is important to consider the mineral content, solubility, taste and the bioavailability of the mineral. Ultimately, the effectiveness of nutrients depends upon its bioavailability, meaning how well the human body absorbs and utilizes it.

Calcium and Bone Health
Organic calcium salts such as calcium gluconate, calcium lactate and calcium lactate gluconate have high solubility, which eases absorption but their drawback is its comparably low calcium content (9-13% calcium). Inorganic calcium chloride (36% calcium) displays good solubility, but is limited in use due to its unpleasant taste. Other inorganic salts like calcium carbonate and calcium phosphate give a high calcium content (38-40% calcium), but are restricted in its solubility.

Zinc and Immunity Function
Zinc is an essential trace mineral that is involved in a wide variety of physiological processes. Zinc has been associated with health benefits like immunity, cognitive function and healthy vision. Deficiency of zinc is rare, but it has been shown that there’s a higher of suffering zinc deficiency among the elderly.