กรุงเทพฯ, 1 พฤศจิกายน 2561 – Mekhong [แม่โขง] แบรนด์สุราไทยที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยและร่วมเชิดชูความเป็นไทยมาเกือบ 80 ปี เปิดแคมเปญ Mekhong Thai Spirit Cocktails 2018 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 หลังแคมเปญในปีที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จอย่างมาก เดินหน้าเฟ้นหาสุดยอดค็อกเทลสัญชาติไทยจากวัตถุดิบพื้นบ้านและสุราไทยชั้นดี ถ่ายทอดเรื่องราวความภูมิใจแห่งสยามประเทศในงานประกาศรางวัลระดับโลกที่คนในวงการร้านอาหารทุกคนต่างรอคอย MICHELIN Guide Thailand 2019 Star Revelation and Gala Dinner ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 นี้
คุณสรรศิริ ยอดเมืองเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดสุรา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า “แม่โขง ได้ริเริ่มจัดแคมเปญ Mekhong Thai Spirit Cocktails ขึ้นในปี 2560 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดค็อกเทลสัญชาติไทยในการทำหน้าที่เป็นตัวแทนนำเสนอเอกลักษณ์ของสุราไทยและส่วนผสมท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในเวทีโลก แคมเปญที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยเราได้คัดเลือกค็อกเทลสัญชาติไทยอย่าง “ขุนศึก” จากร้านบ้านสุริยาศัย และ “ทอง” จากร้านเทพฯ บาร์ เป็นตัวแทนเครื่องดื่มค็อกเทลเสิร์ฟในงานประกาศรางวัลระดับโลกที่คนในวงการร้านอาหารทุกคนต่างรอคอยอย่าง MICHELIN Guide Bangkok 2018 Award Ceremony and Gala Dinner ดังนั้น สืบเนื่องจากความสำเร็จของแคมเปญในปีที่ผ่านมา แม่โขงต้องการเดินหน้าผลักดันให้ค็อกเทลสัญชาติไทยได้เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้างมากขึ้น จึงเป็นที่มาของการจัดแคมเปญ Mekhong Thai Spirit Cocktails 2018 ขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยความพิเศษของแคมเปญในปีนี้คือ การให้ความสำคัญกับการนำวัตถุดิบท้องถิ่น หรือ Local ingredients มาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ค็อกเทลไทยร่วมกับสุราแม่โขง เชิดชูรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของวัตถุดิบของไทยและสร้างสรรค์ค็อกเทลที่ไม่สามารถหาได้ที่ใดในโลก นอกจากนั้นเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับมิกโซโลจิสต์ชาวไทยที่มีความสามารถ เราได้ขยายแคมเปญไปทั่วประเทศ จนสามารถคัดสรรค็อกเทลไทยทั้งหมด 11 ชนิด จากร้าน 11 แห่ง โดยมิกโซโลจิสต์ทุกท่านตั้งใจสร้างสรรค์ค็อกเทลสูตรพิเศษ นำเสนอเรื่องราวและเสน่ห์ของความเป็นไทยในหลากหลายมิติ ทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม รวมไปถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย ค็อกเทลแต่ละแก้วมีรสชาติและเรื่องราวที่โดดเด่นไม่ซ้ำกัน”
“ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา แม่โขงได้เชิญชวนคนไทยร่วมกันให้คะแนนค็อกเทลที่ตนเองชื่นชอบจากทั้ง 11 ร้านดังผ่านทางเฟซบุ๊คของแม่โขงและมาจากการตัดสินของคณะกรรมการในค่ำคืนนี้ ได้แก่ คุณเดชพงษ์ กาญจนลักษณ์ Master Blender ผู้ปรุงสูตรและเจ้าของสูตรของแม่โขง คุณฟิลลิปส์ บิสชอป มิกโซโลจิสต์ชื่อดังที่คว้ารางวัล Best Bar อันดับ 1 ของเอเชียและอันดับ 3 ของโลก คุณอโน ชุ่มอินทร์จักร กูรูด้านค็อกเทล เชฟชุมพล แจ้งไพร เซเลบริตี้เชฟแนวหน้าของเมืองไทย และคุณอาริยา สมรรถไท Assistant Brand Manager บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด โดย 2 สุดยอดค็อกเทลที่ชนะการตัดสินในปีนี้ ได้แก่ ‘รินคำลำโขง’ จาก Pullman Bangkok King Power และ ‘นวล’ จาก TEP BAR จะได้ไปเสิร์ฟภายในงาน MICHELIN Guide Thailand 2019 Star Revelation and Gala Dinner ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2561 นี้ นับเป็นโอกาสอันดีของค็อกเทลไทยและมิกโซโลจิสต์ชาวไทย ที่จะได้แสดงผลงานของตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ต่อบุคคลที่เป็นผู้นำในวงการอาหารและเครื่องดื่มจากทั่วโลก”
คุณเอกชัย คงศรี มิกโซโลจิสต์ จาก Pullman Bangkok King Power ผู้รังสรรค์ค็อกเทล ‘รินคำลำโขง’ กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ค็อกเทลแก้วนี้ว่า ‘รินคำลำโขง’ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชื่อของสุราแม่โขง นั่นก็คือ ลำน้ำโขงที่ไหลไปหล่อเลี้ยงมากมายหลายชีวิตให้เจริญเติบโตและงอกงาม กระทั่งก่อให้เกิดพืชพรรณสมุนไพรต่างๆ ในจุดที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน เริ่มจุดแรกที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยได้นำเอาชาขึ้นชื่อ ซึ่งประกอบไปด้วยข่า ตะไคร้ ใบเตย มาผสมลงไปเพื่อสื่อถึงจุดที่แม่น้ำโขงไหลผ่านจุดแรกในประเทศไทย ต่อมาที่จังหวัดเลย ในจุดที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน ก่อให้เกิดมะขามหวานเมืองเลย ซึ่งมีรสชาติดีเยี่ยม ผ่านไปจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่แม่น้ำโขงไหลผ่านประเทศไทย ก่อให้เกิดกล้วยเบรคแตก ของดีระดับห้าดาวประจำจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อนำส่วนผสมทั้งหมดนี้มาผสมเข้าด้วยกัน ทำให้ได้รสชาติที่แตกต่าง สื่อถึงความเจริญงอกงามเมื่อแม่น้ำโขงไหลผ่านไปยังจุดนั้นๆ
คุณวัชระ วโรดม มิกโซโลจิสต์จากร้าน TEP BAR ซึ่งเป็นร้านที่คว้าชัยชนะต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 กล่าวว่า ‘นวล’ คือสีของเมล็ดข้าวที่สีแล้วจนนวลพร้อม หล่อเลี้ยงชีวิตชาวไทยมากว่า 5,000 ปี ค็อกเทล ‘นวล’ จึงได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการใช้ส่วนผสมของน้ำข้าวขาวดอกมะลิ พันธุ์ 105 พันธุ์พระราชทาน เป็นสายพันธุ์ที่มีกลิ่นหอม เข้ากันได้ดีกับ “แม่โขง” The Spirit of Thailand ที่มีปลายข้าวเหนียวเป็นวัตถุดิบ ทำให้สัมผัสแรกมีความหอมละมุนลิ้นจากน้ำนมข้าวที่ได้จากเมล็ดข้าวที่จะต้องเก็บเกี่ยวในช่วงหลังจากดอกข้าวจะร่วง มีความหวานที่ปลายลิ้นจากน้ำหญ้าหวานซึ่งมีความหวานจากธรรมชาติ รสเปรี้ยวบางๆ จากน้ำส้มสายชูหมักจากข้าวหอมมะลิสูตรลับของครัวเทพบาร์ และยังมีความหอมอร่อยของข้าวเกรียบว่าวและข้าวตังสูตรชาววังที่เคลือบบนปากแก้วให้ได้สัมผัสรสของข้าวที่ต่างบริบทกัน”
“แม่โขง ในฐานะสุราสัญชาติไทยที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 2484 ได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ของไทยมาโดยตลอด ผ่านรสชาติที่มาจากวัตถุดิบและภูมิปัญญาไทย น้ำตาลจากอ้อยและปลายข้าวเหนียวถูกนำมากลั่นในวิธีแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับสมุนไพรไทยและเครื่องเทศ ตามสูตรที่ได้รับการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นแบรนด์สุราที่เป็นที่รู้จักของคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างดี เราตระหนักดีถึงบทบาทของเราในการช่วยส่งเสริมและถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้แพร่หลายในวงกว้าง จึงเป็นที่มาของการริเริ่มจัดและสานต่อแคมเปญนี้ เพื่อจุดประกายให้คนไทยมีความภาคภูมิใจในวัตถุดิบของไทย รวมถึงสุราไทยอย่างสุราแม่โขงที่สามารถนำไปรังสรรค์ค็อกเทลที่เป็นตัวแทนบอกเล่าเอกลักษณ์ของชาติ ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนความสามารถของมิกโซโลจิสต์ไทย รวมทั้งยกระดับวงการค็อกเทลไทยสู่มาตรฐานระดับสากล” คุณสรรศิริ กล่าวสรุป