“Beyond the Packaging” The 3rd Food & Beverage Packaging Conference

ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 คน

ครบทุกมิติองค์ความรู้ด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม

 

งานประชุมวิชาการด้านบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม Food & Beverage Packaging Conference: Beyond the Packaging ครั้งที่ 3 เปิดประตูต้อนรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมประชุมวิชาการมากกว่า 300 คน ตอบรับเทรนด์บรรจุภัณฑ์และงานพิมพ์แห่งอนาคตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Food & Beverage Packaging Conference: Beyond the Packaging จัดขึ้นภายในงานแสดงสินค้า Pack Print International 2019 ณ ไบเทค บางนา โดยความร่วมมือระหว่าง บริษัท บี มีเดีย โฟกัส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดทำนิตยสาร ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์ และ Messe Dusseldorf Asia โดยนำเสนอเนื้อหาการบรรยายที่ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มในทุกมิติ อาทิ ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม เทรนด์บรรจุภัณฑ์อาหารระดับโลก วัสดุและคุณสมบัติที่สำคัญของบรรจุภัณฑ์ การรีไซเคิลพลาสติก ตลอดจนบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ แถมท้ายด้วยเทคนิคและกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มให้ปังอย่างมืออาชีพ

Beyond the Packaging เป็นเวทีกลางที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ของวงการบรรจุภัณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญสู่ผู้ประกอบการ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ผู้ผลิตวัสดุบรรจุภัณฑ์ ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนผู้ที่สนใจ เพื่อขยายขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการทั้งในระดับประเทศและระดับสากล โดยดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าร่วมงามจำนวน 360 คน

 

อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ยังคงเติบโตภายใต้การขยายตัวของภาคการผลิตอาหาร

คุณเกวลิน หวังพิชญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยข้อมูลการศึกษาวิจัยโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า “ในตลาดบรรจุภัณฑ์โลกนั้น บรรจุภัณฑ์พลาสติกยังถูกใช้เป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากความต้องการหลักของผู้ผลิตในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของโลกที่มีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์มากถึง 69% สำหรับประเทศไทยซึ่งมีการเติบโตของอุตสาหกรรมดังกล่าวมากที่สุดก็พบว่ามีการใช้งานของบรรจุภัณฑ์ในอุตสาหกรรมดังกล่าวมากถึง 56% โดยแบ่งเป็นกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร 38% และเครื่องดื่ม 18% อย่างไรก็ตาม การเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากความต้องการของผู้บริโภค และปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับอาหารปลอดภัย ความสะดวกรวดเร็ว และรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ความต้องการเหล่านี้ส่งผลไปถึงการเลือกบรรจุภัณฑ์อาหารที่ต้องสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคตามไปด้วย” โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคาดการณ์ว่าเทรนด์บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่จะตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในอนาคตมากที่สุด ได้แก่ Smart Packaging, On-the-Go Packaging, Eco-Friendly Packaging และ Personalized Packaging

ผู้บริโภคต้องการบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการคิดมาแล้ว

Smart Packaging นับเป็นเทรนด์บรรจุภัณฑ์ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ รองศาสตราจารย์ ดร.ภาณุวัฒน์ สรรพกุล ภาควิชาเทคโนโลยีการบรรจุและวัสดุ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า “นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่นี้เน้นฟังก์ชันการใช้งาน เน้นความสะดวกสบายต่อผู้บริโภค โดยไม่เพียงแค่ผู้บริโภคเท่านั้น Smart Packaging ยังเป็นเทรนด์สำคัญที่ได้รับความน่าสนใจจากผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกเช่นเดียวกัน ความท้าทายอยู่ที่การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาผสมผสานกับวัสดุบรรจุภัณฑ์เพื่อช่วยรักษาคุณภาพอาหาร และยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือเสื่อมสภาพไป อันเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมหรือจากการใช้งาน”

 

เคยไหมที่ตัดสินใจซื้อสินค้าเพียงเพราะบรรจุภัณฑ์

“บรรจุภัณฑ์” เปรียบเสมือนประตูด่านแรกของการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคโดยเฉพาะกับแบรนด์สินค้าที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ตลาด และยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก โดยจากงานวิจัยของ C Space ที่ปรึกษาด้านธุรกิจในบอสตันระบุว่า ผู้บริโภคในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่มักตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า และให้คุณค่ากับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในระดับที่ใกล้เคียงกับคุณภาพและประโยชน์ของสินค้าดังกล่าว

คุณนลินี ทองแท้ ผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์ด้านการออกแบบกราฟิกเเละผลิตภัณฑ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้เปิดเผยเทรนด์การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2563 และคาดว่าจะได้รับการพูดถึงบนโลกโซเชียลจากผู้บริโภคบ่อยครั้ง อาทิเช่น มินิมอลดีไซน์ การไล่โทนสี และการใช้สีสันฉูดฉาด กราฟิกแบน การเน้นตัวอักษรและคำบรรยาย ตลอดจนงานดีไซน์ย้อนสมัย หรือวินเทจก็คาดจะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องไม่ล้าสมัยแน่นอน

ขวดพลาสติกรีไซเคิล…แนวทางเพื่อลดปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน

นอกเหนือจากความรู้และเทรนด์ที่น่าสนใจแล้ว งานประชุมวิชาการครั้งนี้ยังได้เปิดมุมมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับขวดพลาสติกรีไซเคิลโดย Mr.Richard Jones, Senior Vice President, Indorama Ventures Public Company Limited ที่ได้มาร่วมแชร์เรื่องเทคโนโลยีการผลิตเม็ดพลาสติกจากขวดพลาสติกรีไซเคิลที่ทันสมัย สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกา และระเบียบคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป

เทคโนโลลยีดังกล่าวดำเนินการภายใต้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยนำขวดพลาสติกที่ใช้แล้วมาคัดแยกก่อนเพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออก จากนั้นชำระล้างทำความสะอาดขวดพลาสติกในอุณหภูมิที่สูงอีกหลายขั้นตอน กำจัดเชื้อโรคและขจัดสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายออกระหว่างทาง ก่อนที่จะใช้ความร้อนสูงถึง 285 C เพื่อนำเกล็ดพลาสติกที่ถูกสับละเอียดไปหลอมต่อเพื่อให้ได้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงสุดสำหรับการผลิตขวดต่อไป ซึ่งปัจจุบันได้ผลิตและส่งไปจำหน่ายในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ และออสเตรเลีย

 

บรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออก เพิ่มประสิทธิภาพ ลดความสูญเสีย

บรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออกเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้พร้อมแข่งขันในตลาดโลก โดย คุณวรรณา สุทัศน์ ณ อยุธยา Chief Packaging Specialist บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลความแตกต่างของวัสดุและคุณสมบัติที่สำคัญของบรรจุภัณฑ์แต่ละประเภทเพื่อการเลือกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ บรรจุภัณฑ์ขนส่งที่ทำจากกระดาษมีต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ มักไม่ใช้ซ้ำแต่สามารถนำไปรีไซเคิลหลังการใช้งานได้ เป็นที่ยอมรับและนิยมในการขนส่งอย่างแพร่หลายแต่มีข้อจำกัดเรื่องความชื้น ในด้านของบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งที่ทำจากพลาสติกนั้นมีความคงทนต่อสภาพแวดล้อมดีที่สุด ต้นทุนของบรรจุภัณฑ์แปรผันตามน้ำหนักของวัสดุพลาสติกที่ใช้ ส่วนการใช้งานนั้นสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ก็ได้ หรือใช้แบบครั้งเดียวก็ได้เช่นกัน อีกหนึ่งบรรจุภัณฑ์คือ โลหะ โดยบรรจุภัณฑ์โลหะมีรูปแบบการใช้งานที่ค่อนข้างจำกัด ต้นทุนสูงกว่าบรรจุภัณฑ์ชนิดอื่นๆ และมักใช้บรรจุสินค้าทางเคมีภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม การใช้งานบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งสินค้าอาจไม่สามารถคุ้มครองสินค้าได้ตลอดกระบวนการลำเลียงขนส่งจนถึงปลายทาง ปัจจุบันจึงมีการใช้วัสดุเสริมการทำงานให้สมบูรณ์มากขึ้น ได้แก่ วัสดุกันกระแทก เช่น กระดาษลูกฟูก ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ขนส่งที่นิยมใช้มากที่สุด

 

เปิดโลกนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ระดับโลกก่อนใครกับงาน interpack 2020

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ผู้เข้าร่วมฟังสัมมนาจะได้อัพเดทเทรนด์ฮิตระดับโลกในวงการบรรจุภัณฑ์และเทคโนโลยีการบรรจุจากงานแสดงสินค้าอันดับ 1 ด้านบรรจุภัณฑ์และเทคโนโลยีการบรรจุที่สมบูรณ์แบบที่สุดกับงาน interpack 2020 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-13 พฤษภาคม 2563 ณ ศูนย์แสดงสินค้า Düsseldorf Exhibition Centre โดยงานแสดงสินค้าครั้งที่ผ่านมานั้นจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมจัดแสดงสินค้า 2,865 ราย และหนาแน่นด้วยผู้เข้าร่วมชมงาน 170,500 คน

ในโอกาสนี้ Mr.Thomas Dohse, Deputy Project Director of interpack, Messe Duesseldorf ได้นำเสนอข้อมูลงานแสดงสินค้าดังกล่าวทั้งภาพรวมและไฮไลท์สำคัญ …บอกได้เลยว่า interpack 2020 เป็นอีกหนึ่งงานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และเทคโนโลยีการบรรรจุระดับโลกที่คนในวงการบรรจุภัณฑ์ไม่ควรพลาด โดยส่วนสำคัญที่พิเศษสุดของงานในปีนี้ก็คือโซนการจัดแสดงเทคโนโลยีในธีม innovationparc และงานสัมมนาโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในหัวข้อ SAVE FOOD

 

การสร้างแบรนด์: แตกต่าง เพิ่มมูลค่า

สำหรับบรรจุภัณฑ์นั้นเป็นที่ทราบดีว่าทำหน้าที่มากกว่าแค่การบรรจุสิ่งของ หากแต่ถูกนำมาใช้เพื่อการสื่อสารการตลาดมากยิ่งขึ้นด้วย คุณพีรวงศ์ จาตุรงคกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การตลาด การสร้างแบรนด์ การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ได้ทิ้งท้ายเรื่องราวที่น่าสนใจในด้านของการสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์สินค้า (Brand identity) การออกแบบโลโก้ไปจนถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อเชื่อมต่อการสื่อสารไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ของแบรนด์ ตลอดจนความสำคัญของเครื่องหมายทางการค้า (Trade mark) ที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสนใจ เนื่องจากเครื่องหมายทางการค้าแสดงถึงสินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้นๆ ว่าแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นๆ อย่างไร และสิ่งนี้ยังเป็นคีย์สำคัญที่ผู้บริโภคจะใช้พิจารณาในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพตามต้องการด้วย

 

Optimizing Protein Consumption Key to Sustained Well-Being

Nutrition experts share recent findings on health advantages of nourishing dairy proteins at Asian Congress of Nutrition

As the popularity of consuming higher-protein diets for health and wellness continues to rise, how much and which kind of proteins are ideal are often-asked questions. At an August 5 symposium held as part of the 13th Asian Congress of Nutrition (ACN) 2019 held in Bali, Indonesia, nutrition researchers from North America and Asia shared scientific findings on the role of dairy proteins in supporting healthy aging and weight management goals to optimize sustained well-being across genders and life stages. Chaired by Dr. Khor Geok Lin, Emeritus Professor, Universiti Putra Malaysia, the symposium also shed light on a growing body of evidence suggesting that current dietary protein recommendations are underestimated for certain vulnerable population groups such as seniors and undernourished children, as well as for athletes and people trying to manage their weight.

Dr. Stuart Phillips, Professor, Kinesiology, McMaster University, Canada introduced multifaceted research findings corroborating that protein requirements in older persons appear to be elevated by at least 50% over current recommendations, citing both experimental trials and observational data showing that higher protein intakes are associated with greater muscle mass and better muscle function with aging. He proposed the recommendation that older individuals consume ≥1.2 g of protein per kilogram of body weight daily, up from current World Health Organization (WHO) and other health organizations’ guidelines that adults should consume 0.8g of protein per kilogram of body weight per day. The current guidelines in place were set many decades ago to avoid nutritional deficiencies rather than to optimize specific health outcomes reflective of today’s rapidly aging society, in particular the mitigation of losses of muscle mass with age (sarcopenia).

“Many older adults do not consume protein at the levels required to meet the estimates of greater protein needs to reduce the risk of sarcopenia, the age-related decline in skeletal muscle mass, strength and function,” said Dr. Phillips. “Protein intake requirements for older adults should be reexamined in terms of both the quantity of protein consumed and the protein’s nutritional quality, including an emphasis on the intake of the amino acid leucine which plays a central role in stimulating muscle protein synthesis,” added Dr. Phillips.

 

Protein Quality Matters—Dairy Proteins Rate High

While there are various different sources of protein, both animal and plant-based, there is a wide variance in terms of nutritional quality. The ACN symposium further introduced how whey proteins stand out as a high-quality, complete source of essential amino acids and the leading source of leucine. While other foods may also contain leucine, the amount of food product consumed and corresponding caloric intake would be higher, making whey proteins a convenient and efficient choice for health.

Dr. Jung Eun Kim, Assistant Professor, Food Science & Technology Programme, National University of Singapore further presented findings on the benefits of whey protein for middle-aged and older adults from a body weight and composition perspective, complementing exercise for healthier aging and lifestyles. “Middle-aged overweight and obese adults who paired exercise training with a higher protein diet (>1 g protein/kg/day) supplemented with whey protein-maintained body weight while reducing fat mass and increasing lean body mass, said Dr. Kim. “Additionally, when mobility-limited older adults participated in resistance training and supplemented their diets with whey protein, they experienced greater increases in lean mass, muscle strength and mid-thigh cross sectional area.”

She also addressed a common misconception, emphasizing that women can consume whey protein without worrying about gaining bulky muscle. “Findings from a recent systematic review and meta-analysis suggest that whey protein supplementation improves body composition by modestly increasing lean mass and this improvement is more robust during weight loss in women,” she added, referring to a body toning effect rather than increased bulkiness.

 

U.S. Dairy – Committed to Nutrition and Innovation

As consumer health consciousness continues to climb across Southeast Asia, the U.S. dairy industry continues its long-term commitment to not only share the science-backed nutritional advantages of U.S. Dairy but to also expand the enjoyment of nutritious, delicious and sustainably-produced U.S. dairy proteins and ingredients in locally-friendly food and beverages such as snacks, ready-to-drink beverages and everyday meals and more.

“USDEC is honored to contribute to the exchange of scientific dialogue with nutrition researchers, academia and health professionals here at ACN to advance the understanding of healthy eating guidance surrounding U.S. dairy proteins benefiting the nutritional needs of diverse Asian consumers,” said Kristi Saitama, Vice President, Global Ingredients Marketing, U.S. Dairy Export Council. We have had a fruitful ACN participation as a sponsor, an exhibitor, and supporter of the Young Scientists Award, and look forward to deepening our engagement with both the health and nutrition as well as food and beverage communities across Asia in alignment with this year’s ACN conference theme of ‘Nutrition and Food Innovation for Sustained Well-Being’,” Saitama continued.

Dr Stuart Phillips, Professor, Kinesiology, McMaster University, Canada introducing multifaceted research findings highlighting importance of protein quality at the Asian Congress of Nutrition 2019

 

About U.S. Dairy Export Council, ThinkUSAdairy.org

NovaSOL® Curcumin & Boswellia Liquid Sets Gold Standard

IFF Health (formerly known as Frutarom Health) introduces its new formulation of solubilized liquid curcumin extract in combination with Boswellia serrata. The ingredient is launched under the NovaSOL® brand. Developed by the German company Aquanova AG, the formula delivers superior bioavailability at low, easy to digest doses. The enhanced bioactivity of the two synergetic ingredients was demonstrated in an in-vivo study published last year.

 

NovaSOL Curcumin/Boswellia will be unveiled at Vitafoods Asia in Singapore 25-26 September 2019, booth #J19.

 

Following the success of NovaSOL Curcumin as a functional ingredient for the supplement, food, and beverage markets, IFF Health introduces a new reinvigorated combination to take it to the next level.

Boswellic acids are derived from the gum of Boswellia serrata. The anti-inflammatory properties of these extracts have been demonstrated in a number of scientific publications and have led products based on the extracts to gain momentum amongst consumers as a natural, herbal dietary supplement product. Likewise, curcumin has a long history of use in Ayurvedic medicine for its positive effects in various inflammatory conditions, activity that is backed by multiple clinical studies. This spurred the company to unite the two classic botanicals into one micellar formula based on their shared positive effects in inflammatory conditions.

“The combination with Boswellia serrata as a synergetic ingredient significantly advances the beneficial properties of this formula,” explains Wouter Haazen, Product Manager of IFF Health. He notes that the diverse mechanisms of action of curcumin and boswellia have been found to naturally complement one another in targeting biological effects linked to inflammation.

Results of an in-vivo study led by Jürgen Meins, PhD, et al., published April, 2018, in the journal Nutrition demonstrated that liquid, micellar curcumin, in combination with boswellia, not only increased bioavailability of both compounds but also was associated with increased biological activity as compared to use of the compounds alone or to activity of a native mix of the herbs. Results showed that after exposure to NovaSOL curcumin combined with boswellia serratia, there were substantial reductions in serum levels of inflammatory cytokines, C-reactive proteins, and lipid peroxidation biomarkers.

“The NovaSOL delivery system provides significant opportunities to truly optimize curcumin and boswellia’s synergetic properties to maximum effect,” explains Mr. Haazen. “This is another innovative, science-based formula the Aquanova team created for IFF Health’s portfolio of next-generation products designed to support consumers’ quality of life.”

The liquid proprietary formula is developed with the advanced NovaSOL micellation technology for the solubilization of the two botanicals. The technology serves as a “nature-like” carrier system of minute particles for a range of substances by enabling ultrafine distribution of the herbs’ active components. The formulation is both water- and lipid-soluble, and highly stable enabling it to be readily adapted into food and beverage applications. In addition, the concentrated golden liquid can be delivered is small and easily digested dosages.

The enhanced bioavailability of NovaSOL Curcumin has already been established in a human clinical trial; there was an increase in bioavailability of up to 185-fold when compared to standard extracts — the most significant increase recorded to date. It has become one of the most demanded curcumin ingredients in Europe and currently appears in more than 50 products.

 

For more information, contact: www.frutaromhealth.com / www.iff.com

Thai Excise Department Imposed New Sugar Tax on Beverages!!

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบมาตรการภาษีสรรพสามิต 2 มาตรการ ส่วนแรกเป็นการออกพิกัดภาษีสรรพสามิตใหม่สำหรับเครื่องดื่มนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ (Functional drink) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคเครื่องดื่มที่ส่งผลดีต่อสุขภาพมากขึ้น โดยในส่วนของเครื่องดื่มประเภทน้ำเปล่าที่มีส่วนผสมของนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ เช่น การผสมคอลลาเจน ผสมวิตามินจะถูกเก็บภาษีเพียง 10% ลดจากเดิมที่ต้องเสียภาษีในพิกัดเครื่องดื่มทั่วไปที่อัตรา 14%

 

นอกจากนี้ เครื่องดื่มประเภทน้ำผัก ผลไม้ที่มีส่วนผสมของนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ จะได้ถูกเก็บภาษีเพียง 3% ซึ่งลดลงจากเดิมที่ต้องเสียภาษีในอัตราสูงถึง 10% โดยการออกพิกัดภาษีเครื่องดื่มทั้ง 2 ประเภทจะมีผลบังคับใช้พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้แนวโน้มของราคาเครื่องดื่มทั้ง 2 ประเภทมีโอกาสปรับลดลงขวดละ 1-3 บาท จากปัจจุบันที่มีขายในท้องตลาดขวดละ 20-30 บาท แต่สุดท้ายราคาจะลดลงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับแผนการตลาดของผู้ผลิตด้วย…

Graphic Source: bangkokpost.com

อย่างไรก็ดี ในวันที่ 1 ตุลาคม นี้ จะมีการปรับภาษีความหวานเพิ่มขึ้นอีกรอบ หากผู้ผลิตยังไม่สามารถลดปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มได้จะต้องเสียภาษีอีกเท่าตัว

 

โดยอัตราภาษีความหวาน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 30 กันยายน 2564 มีดังนี้

เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 10 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เก็บภาษีเท่าเดิมที่ 0.30 บาทต่อลิตร

เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 10 กรัม แต่ไม่เกิน 14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตรจากเดิม เสียภาษี 0.50 บาทต่อลิตร

เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 14 กรัม แต่ไม่เกิน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 3 บาทต่อลิตร จากเดิม 1 บาท

และเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 5 บาทต่อลิตร

ทั้งนี้รัฐบาลจะมีการปรับภาษีแบบขั้นบันไดแบบเท่าตัวอีกครั้งในช่วง 1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน2566 และ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

 

Source: thaipost.net / bangkokpost.com

Scholars of Sustenance (SOS) launches Food Rescue Charity in Phuket at PHIST

มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (เอส โอ เอส) เปิดตัวโครงการเพื่อสังคมด้านการรักษ์อาหารแห่งใหม่ที่ภูเก็ต

SOS หรือ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (เอส โอ เอส) คือองค์กรไม่แสวงผลกำไรมีบทบาทในการช่วยสร้างกลไกขับเคลื่อนระบบที่เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนผ่านการรักษ์อาหารส่วนเกินและนำไปส่งต่อให้กับชุมชมที่ขาดแคลน เพื่อหลีกเลี่ยงการทิ้งอาหารเหล่านั้น รวมกับขยะมูลขยะอื่นๆ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซ์จากการเผาไหม้และย่อยสลาย

 

Source: instagram.com/sos.thai

ผู้ประกอบการทั่วโลกต่างต้องมีระบบบริหารดูแลลูกค้าที่ดี การเกิดอาหารส่วนเกินจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการศึกษาพบว่ามี 1/3 ของปริมาณอาหารทั้งหมดถูกทิ้งอย่างไร้ประโยชน์ โดยส่วนใหญ่แล้วจะถูกนำไปทิ้งในบ่อฝังกลบ และเมื่อเวลาผ่านไปจะหมักหมมก่อให้เกิดก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกสาเหตุของภาวะโลกร้อน ดังนั้น การทำงานของมูลนิธิสฯ คือรวบรวมอาหารส่วนเกินที่มีคุณภาพดีนำมาบริโภคได้จากโรงแรมและซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ พร้อมตรวจสอบคุณภาพ และส่งต่อมื้ออาหารที่รสชาดดีและมีสารอาหารหลากหลายให้กับผู้ด้อยโอกาส

“ทุกวันนี้โลกของเราผลิตอาหารที่มากพอจะเลี้ยงคนได้หมื่นล้านคน ในขณะที่ประชากรบนโลกมีเพียง 7 พันล้านคน แต่มี 1 พันล้านคนที่ยังต้องเข้านอนอย่างหิวโหย นั่นทำให้เราตะหนักว่า โลกของเรามีปัญหาเรื่องการกระจายอาหาร” คุณ โบ เอช โฮล์มกรีน (Bo H. Holmgreen) ผู้ก่อตั้ง และ CEO ของ SOS กล่าว

“ที่ SOS เราเรียกว่า เวทมนต์ของ SOS (SOS Magic) เพราะเราเปลี่ยนจากสิ่งที่ไม่มีคุณค่า หรือสิ่งที่ก่อนหน้านี้จะต้องถูกกำจัด ให้กลายเป็นมื้ออาหารที่ยอดเยี่ยมเต็มไปด้วยโภชนาการได้อีกหลายล้านมื้อสำหรับสถานสงเคราะห์เด็กและองค์กรช่วยเหลือต่างๆ ทั้งยังช่วยให้พวกเขาได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดหาอาหารเลี้ยงดูผู้ด้อยโอกาสอีกด้วย ซึ่งกระบวนการที่แสนพิเศษนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของผู้บริจาคอาหารที่มีจิตสาธารณะมากมาย ทั้งจากโรงแรมชั้นนำ ซูเปอร์มาร์เก็ต โดยที่มีผลกระทบต่อการทำงานของพนักงานของผู้บริจาคน้อยที่สุด และไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายในบริการนี้อีกด้วย ทำให้การทำความดีเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน และส่วนงาน CSR ขององค์กรผู้ร่วมบริจาคอาหารกับ SOS ก็สามารถแบ่งปันเรื่องราวดีๆ เหล่านี้ได้ด้วยการแค่เพียงส่งต่ออาหารส่วนเกินให้กับเราเท่านั้น”

เปิดตัวโครงการเพื่อสังคมด้านการรักษ์อาหารแห่งใหม่ที่ภูเก็ต

ด้วยปริมาณนักท่องเที่ยวกว่า 1 ล้านคน จากสถิติเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าภูเก็ตถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ และแน่นอนว่าก่อให้เกิดการสร้างขยะอาหารในปริมาณมาก เกิดจากการที่อุตสาหกรรมด้านการบริการจำเป็นที่ต้องเน้นในเรื่องของคุณภาพการให้บริการที่เป็นเลิศเพื่อบริการนักท่องเที่ยว ในส่วนของมูลนิธิฯ นั้น จึงถือเป็นองค์กรที่สร้างขึ้นเพื่อมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อมและการนำอาหารที่มากเกินจำหน่ายนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน “เจ้าหน้าที่ของเราทำงานอย่างหนักในทุกขั้นตอน จนทำให้เราประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งกรุงเทพและบาหลี เราส่งเจ้าหน้าที่ออกไปรับอาหารส่วนเกินหลายตันทุกวัน ด้วยรถกระบะแช่เย็น 6 คันและมอเตอร์ไซค์ที่มีกล่องแช่เย็นอีกหลายคัน ซึ่งทุกคันมีขั้นตอนมาตรฐานเพื่อส่งต่ออาหารที่สะอาดปลอดภัยให้กับชุมชนผู้รับบริจาค” คุณอภิญญา อำนวยสกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด SOS ประเทศไทยกล่าว “เราตื่นเต้นกับการเริ่มต้นโครงการส่งต่ออาหารที่ไม่แสวงผลกำไรนี้ กับโรงแรม ซูเปอร์มาร์เก็ตและธุรกิจอาหารที่ภูเก็ตมาก”

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้เปิดตัวโครงการรักษ์อาหารนี้ในงานประชุม PHIST (Phuket Hotels for Islands Sustaining Tourism) โดยจะมีเจ้าหน้าที่ทั้งจากกรุงเทพและผู้จัดการประจำสำนักงานภูเก็ตร่วมให้คำแนะนำเกี่ยวกับโครงการ และเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถมาร่วมลงทะเบียนแจ้งความจำนงค์เข้าร่วมโครงการได้ที่บูธของมูลนิธิความยั่งยืน อันเป็นกุญแจสำคัญในการประกอบธุรกิจทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอาหาร ซึ่งทีมงาน SOS ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ทุกคนได้ร่วมกันแบ่งปันให้กับสังคมของเรา และที่เราทราบกันดีว่าเราทุกคนเป็นทั้งผู้ผลิตและบริโภคทรัพยากรบนโลกใบนี้ ซึ่งเราต่างก็ตระหนักถึงปัญหาด้านขยะอาหารเป็นอย่างดี แต่กระนั้นเราจำเป็นต้องมีองค์กรอย่าง SOS เข้ามาช่วยจัดการให้เกิดกระบวนการแก้ปัญหาขึ้นไม่ควรปล่อยให้อาหารดีๆ ที่ยังบริโภคได้เสียเปล่า แต่ควรจะนำไปส่งต่อให้กับผู้คนได้มีชีวิตที่ดี สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้โลกต่อไป” คุณ โบ เอช โฮล์มกรีน กล่าว

“ผมขอบอกว่าผมภาคภูมิใจในเจ้าหน้าที่ทุกคนและผู้ร่วมบริจาคอาหารของเรามาก เราทุกคนได้ร่วมกันสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกและผู้คน! ขอบคุณท่านผู้ร่วมบริจาคอาหารกว่า 100 ราย – เราหวังว่าจะมีผู้เข้าร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดความเท่าเทียมด้านอาหารกับเรามากขึ้นในไม่ช้า” คุณ โบ เอช โฮล์มกรีน กล่าวสรุป

 

ข้อมูลเพิ่มเติม: www.scholarsofsustenance.org/donate-food

 

 

Potent Affron Saffron Hits Asia-Pacific Market

Madrid – Pharmactive Biotech Products, S.L., launches its Affron® all-natural, non-GMO Spanish saffron extract (Crocus sativus L.) in the Asia-Pacific market. The company’s formulation boasts the lowest dosage threshold on the market — just 28mg per day — with proven pharmacokinetic bioavailability and rapid one-hour absorption.

Pharmactive will launch Affron at Vitafoods Asia 2019 in Singapore, Booth #I32, on 25-26 September 2019, where the Affron format for eye health, Affron® EYE, is one the finalists for the Nutraingredients Awards Asia in the field of Healthy Ageing.

 

Affron is standardized to Lepticrosalides®, a complex of bioactive compounds responsible for the beneficial and organoleptic attributes of Affron. The capabilities of this clean-label, synthetic-free, pure plant saffron extract is backed by five clinical studies. These compounds have been clinically shown to improve mood and alleviate anxiety and depression symptoms, as well as induce relaxation and improve sleep quality. Affron also is the first saffron extract clinically studied on adolescents.

Pharmactive grows and cultivates the saffron in its fields within the terrain of Castilla-La-Mancha in Spain. The arid plains and dry, warm Mediterranean climate of the region present ideal conditions for the cultivation of saffron.

“Crocus sativus L. species has been cultivated and consumed for centuries in Spain and its culinary and beneficial values have been long appreciated,” enthuses Julia Diaz, Marketing Manager of Pharmactive. The golden threads of the saffron plant are worth nearly their weight in gold, due in part to their labor-intensive harvesting method. During the short eight weeks in autumn when they bloom, the flowers must be carefully hand picked, one at a time, and within the few hours between dawn and mid-day to avoid wilting of the delicate stigmas that form the saffron threads.

“As a high-value botanical, saffron is extremely susceptible to counterfeiting,” adds Alberto Espinel, Head of R&D of Pharmactive. “The company’s saffron is home grown and manufactured in their extraction plant in Madrid. The optimized extraction process employed ensures the highest concentration of saffron’s active lepticrosalides.”

Pharmactive has established a range of quality control procedures, including active compound quantification, meticulous adulteration detection measures, and microbiological and contaminant analysis to ensure consistent quality of its formulation. “We work in close cooperation with our saffron farmers, respecting the cultural heritage of this exceptional region. Their innate knowledge of saffron and how to optimally produce and harvest it using no fertilizer is key to Pharmactive´s unmatched quality offering,” notes Espinel. “Furthermore, we conduct strict quality controls internally and externally through certified third parties,” emphasizes Espinel. “These meticulous measures provide full traceability and allow a wholly trusted source of saffron.”

Affron is water-soluble and readily applicable to food formats or supplements. It is kosher and halal certified, non-GMO, non-irradiated, and has a three-year shelf-life.

 

For more information, contact: www.pharmactive.eu

Helping Producers Create Cleaner Meat-free Products with Non-GMO Crossbreeding Technology

Kibbutz Givat Brenner, Israel – Seed-breeding specialist start-up Equinom Ltd. is helping food manufacturers unlock the true potential of plant-based meat products. Equinom’s innovative designer non-GMO seeds are enabling food companies to close the gap between consumer demand for cleaner meat alternatives and innovating palate-pleasing, affordable products.

According to Innova Market Insights’ 2018 consumer survey, 49% of U.S. consumers are driven by health when buying meat and dairy alternatives. Plant-based food demand is climbing, with consumers concerned about animal welfare and minimizing their carbon footprint. Educated shoppers such as flexitarians are flexing their consumer muscles, understanding that a balanced diet that addresses their health issues can include fewer animal products.

Simplicity is the New “Clean”

With the clean-label revolution hitting the mainstream thanks to consumers seeking simple-to-understand labels on food products, “clean” has taken on an expanded meaning.

“Natural products not only need to exclude additives and preservatives; they also must have short, simple ingredient lists,” says Itay Dana, Marketing Director for Equinom.

“Unfortunately, despite the buzz, plant-based meat products don’t necessarily support clean-labeling.” Most natural ingredients still require extensive processing to allure health- and ethic-minded customers. This over-processing strips the products of taste and functionality. To achieve palate appeal as well as nutritional and sales objectives, manufacturers tack on masks, flavor enhancers, fillers and highly processed ingredients, such as protein isolates.

“In contrast, Equinom’s seeds for plant ingredients make processing nearly irrelevant because Equinom’s whole beans deliver on taste and nutritional goals that are closer to producers’ needs,” says Dana. “Equinom’s breeding technology grows better-for-you ingredients that do away with over-processing, simplify ingredient lists and eliminate the need for additives, so producers can go ‘from plant to product’ in fewer steps.”

Equinom’s multifaceted proprietary solution can give manufacturers the opportunity to brand their products with a cleaner label in order to drive strong consumer adoption.

 

Discovering the Holy Grail: Taste and Texture

In their historic pursuit of optimizing profit by maximizing yield, growers bred out highly functional plant qualities. In the past, the triad of texture, taste and nutrition was too much to ask for in a single isolated ingredient. This caused food manufacturers to pursue the impossible: to create taste-bud-pleasing natural meat-free burger products from poorly flavored source ingredients.

“Equinom breeds specifically for organoleptic properties, custom-designing plant varieties that have revived great taste, appealing texture and improved nutrition,” explains Sigal Meirovitch, Ph.D., Head of Protein Development for Equinom. “The company has restored these high-demand qualities naturally in the crops, demonstrating that one plant can have it all.”

By leveraging the whole plant and designating key components to meet food company product development needs, Equinom maximizes component contribution using minimum separation, which also reduces the need to mask unpleasant tastes. Equinom uses electronic sensing systems such as e-tongue and e-nose for high-throughput analysis of off-flavors, which helps top quality and accelerate breeding.

 

Price-performance that Works

Most consumers make food-buying choices with their wallets. To continue ramping up adoption, meat-free alternatives need to be affordable. Until now, manufacturing nutritious, minimally processed products have been expensive because locating ingredients that hit the sweet spot between optimizing clean nutrition and profitability has evaded manufacturers.

Equinom’s strategic ingredient design is disrupting the entire food production system. “Since Equinom’s legumes are bred for both high protein and simple protein extraction, ingredient producers can achieve their yield performance goals easier, and food manufacturing costs less,” says Meirovitch. “This is empowering the market to offer more competitively priced products and achieve financially viable market penetration.”

 

Turning Over a New Leaf in Plant-based Meat

The booming alternative meat market is seeing high-profile products exploding onto the scene. But, as health-food movers and shakers have pointed out, raw ingredients have not yet lived up to the vision of helping make clean-label products truly nutritious.

“Equinom is upending the plant-based meat industry – uprooting previously entrenched limitations and delivering seeds for source ingredients that are setting the functional, financial and eco-friendly standards in the market,” Dana concludes. The entire food supply chain is sitting up and taking notice.

 

Source: www.equi-nom.com

Bacterial Colony-counting Application, Now Available Globally

แอปนับจำนวนโคโลนีแบคทีเรีย พร้อมให้บริการทั่วโลกแล้วตั้งแต่บัดนี้

บริษัท นิสซุย ฟาร์มาซูติคอล จำกัด ในโตเกียวประกาศว่า แอปพลิเคชัน @BactLAB(TM) ที่ใช้ Amazon Web Service (AWS) Cloud และเทคโนโลยี AI ในการนับจำนวนโคโลนีของแบคทีเรียอย่างรวดเร็วและง่ายดายพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าที่ใช้อาหารเลี้ยงเชื้อ CompactDry(TM) ในต่างประเทศแล้ววันนี้ การเปิดตัวแอปพลิเคชันนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การรุกลงทุนในภาคส่วนใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาตลาดต่างประเทศและยกระดับกระบวนการควบคุมคุณภาพสุขลักษณะอาหาร

นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2018 จนถึงตอนนี้ นิสซุย ฟาร์มาซูติคอล เปิดโอกาสให้ลูกค้าในต่างประเทศเพียงจำนวนหนึ่งได้ทดลองใช้งานแอปพลิเคชันนับจำนวนโคโลนีที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับอาหารเลี้ยงเชื้อแบบง่ายสำหรับนับจำนวนแบคทีเรีย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่สุดของบริษัทสำหรับลูกค้าในต่างประเทศ บริษัทได้พัฒนาแอปพลิเคชันในหลายๆ ด้านในช่วงเวลาดังกล่าว เช่น การนับจำนวนโคโลนีได้เร็วขึ้น การเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลด้วย AI รวมถึงฟีเจอร์และฟังก์ชันเพิ่มเติมที่สะดวกสบาย ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในบริการใหม่ล่าสุด

โดนปัจจุบันสามารถดาวน์โหลดแอปได้ทาง Google Play / Apple Store / Amazon Appstore / Online

Service

 

ภาพรวมของบริการ แอปพลิเคชัน

– นับจำนวนอัตโนมัติผ่านระบบคลาวด์ทั่วโลก รองรับอุปกรณ์หลากหลาย (PC / Android / iPhone)

– เก็บข้อมูลการนับจำนวนไว้บนระบบคลาวด์

– ส่งออกรายงานได้ (รูปแบบไฟล์ .csv หรือ .jpg)

– รองรับแชทบอทบนเว็บไซต์ทางการ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

* บริการนี้เป็นแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อลูกค้าผู้ใช้งาน CompactDry(TM)

* แนะนำให้เชื่อมต่อ Wi-Fi เมื่อใช้งานแอปผ่านสมาร์ทโฟน

* อาจมีการนับจำนวนคลาดเคลื่อนไม่เกิน 8% ขึ้นอยู่กับภาพที่อัปโหลด

* การนับโคโลนีได้ “0” ไม่ได้หมายความว่าผลออกมาเป็นลบ

* นิสซุย ฟาร์มาซูติคอล ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบผลการวิเคราะห์จากบริการนี้

* Google, Google Play, Android และสัญลักษณ์อื่นๆ เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท Google Inc.

* Apple และโลโก้ Apple เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท Apple Inc. ที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ App Store, AppleCare และ iCloud เป็นเครื่องหมายบริการของ Apple Inc. (TM) และ (R) สงวนลิขสิทธิ์

* Amazon และ Amazon Web Service เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของบริษัท Amazon.com, Inc. หรือบริษัทในเครือ

 

อ้างอิง: www.nissui-pharm.co.jp/english/products/global/bactlab/

MUSC – TU Scholarship for Human Resource Development in Science & Technology in the Remembrance of Late King Rama IX of Thailand

คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดพิธีมอบทุนการศึกษา“MUSC – TU Scholarship for Human Resource Development in Science & Technology in the Remembrance of Late King Rama IX of Thailand” โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 9 ในฐานะ ‘ราชาแห่งการพัฒนาของโลก และ พระบิดาแห่งการประดิษฐ์โลก’ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาในระดับรากหญ้า โดยไม่แบ่งแยกสถานะเชื้อชาติหรือศาสนา และพระองค์ยังเป็นผู้ริเริ่มในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.สิทธิวัฒน์ เลิศศิริ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนายไกรสร จันศิริ ประธานกรรมการบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นเกียรติในพิธีผู้มอบทุนแก่นักศึกษาบัณฑิตศึกษาต่างชาติ จำนวน 10 ทุน ณ ห้องประชุมอาคารสตางค์มงคลสุข คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล พญาไท

การมอบทุนการศึกษานี้เป็นกิจกรรม CSR ที่เริ่มมาจากความร่วมมืออันยาวนานด้านการวิจัยและนวัตกรรมทางด้านอาหารและเกษตรระหว่าง บริษัท ไทยยูเนียน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเป็นการสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งของประเทศไทยและภูมิภาค ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างเศรษฐกิจของสังคมต่อไป

 

นอกจากนี้ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลและบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยังมีความร่วมมือกันในอีกหลายด้านอาทิเช่น โครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยี อาหาร ( Foodtech Incubator & Accelerator Program; FIAP) ” ภายใต้ชื่อ “SPACE-F” เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหาร ในรูปแบบการสร้าง Start up อีกด้วย

 

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.mahidol.ac.th

CPF ปลื้ม คอนแทร็คฟาร์มมิ่ง สร้างสังคม-สิ่งแวดล้อมยั่งยืน หลังยืนยันผลประเมิน Impact Valuation ตามแนวทางสากล

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยการประเมินผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของโครงการคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง (Contract Farming’s Impact Valuation) ซึ่งได้รับการทวนสอบจากบริษัทผู้ทวนสอบด้านความยั่งยืนชั้นนำระดับโลก พบว่าเกษตรกรมีคุณภาพชีวิต รายได้ และสังคมที่ดีขึ้น ตลอดจนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมโดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการประเมินผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของโครงการคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนตามหลักการสากล โดยใช้วิธี Impact Valuation ที่จะตีมูลค่าผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบของโครงการออกมาเป็นมูลค่าเงิน

ผลการประเมินผลกระทบด้านสังคมของโครงการคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง พบว่า 1.) เกษตรกรมีเวลาว่างอยู่กับลูกและครอบครัวมากขึ้น จากเดิม 1.9 ชม./วัน เพิ่มเป็น 4.3 ชม./วัน ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปถึงการลดปัญหาสังคมอันเนื่องมาจากปัญหายาเสพติดในเยาวชน 2.) โครงการฯ สามารถลดสัดส่วนเกษตรกรที่มีค่าครองชีพต่ำกว่าเส้นความยากจนลงจากเดิม 38% เป็น 0% และ 3.) เกษตรกรถึง 85% มีความสามารถส่งเสียบุตรหลานให้ได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นกว่าการศึกษาขั้นพื้นฐาน

สำหรับผลการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม พบว่าการใช้ไฟฟ้าและเชื้อเพลิงในการเลี้ยงสุกรนั้นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านก๊าซเรือนกระจก แต่ฟาร์มเกือบทั้งหมดของเกษตรกรซีพีเอฟมีการทำระบบไบโอแก๊ส (Biogas) ซึ่งเมื่อนำมาคำนวณร่วมกันแล้วพบว่า ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงกว่า 92,000 ตัน CO2 /ปี

เมื่อนำผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทุกข้อมาตีค่าเป็นมูลค่าเงินตามหลักการสากล พบว่า Contract Farming’s Impact Valuation มีมูลค่าเป็นบวก และมีค่าสูงถึง 230,475,694 ล้านบาท/ปี

“ผลการประเมินในครั้งนี้ตอกย้ำว่าโครงการคอนแทร็คฟาร์มมิ่งของซีพีเอฟ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความยั่งยืนให้สังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการทวนสอบตามแนวทางสากลจากผู้ทวนสอบด้านความยั่งยืนชั้นนำระดับโลกช่วยยืนยันความถูกต้องของการประเมินนี้ด้วย” นายวุฒิชัยกล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯใช้หลักการประเมินตามแนวทาง Natural Capital Protocol และ Social Capital Protocol ขององค์กร WBCSD (The World Business Council for Sustainable Development) ทำการประเมินเกษตรกรคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง กลุ่มผู้เลี้ยงสุกรขุนประเภทประกันรายได้ในประเทศไทย ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยมีนักศึกษาจาก 4 มหาวิทยาลัยเป็นผู้ลงพื้นที่ทำการสำรวจ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (วิทยาเขตบางพระ) และสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โดยเมื่อผลการประเมินแล้วเสร็จ ซีพีเอฟยังเป็นบริษัทแรกของไทยที่ได้รับการทวนสอบตามแนวทางสากล จาก LRQA หรือ บริษัท ลอยด์ส รีจิสเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ทวนสอบด้านความยั่งยืนชั้นนำระดับโลก

อนึ่ง Contract Farming’s Impact Valuation นี้จะเป็นอีกส่วนสำคัญในการเสนอบริษัทเข้ารับคัดเลือกเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ (DJSI) ในปีถัดไป หลังจากซีพีเอฟได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI ติดต่อกันมาแล้ว 4 ปีซ้อน