EXBERRY® จาก GNT คว้าเหรียญทองตอกย้ำความสำเร็จด้านความยั่งยืน

         บริษัท GNT ได้รับรางวัลเหรียญทองเป็นครั้งแรกจาก EcoVadis ในด้านสิ่งแวดล้อมและจรรยาบรรณ โดยบริษัทได้ติดอันดับ 3% แรกในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร

 

         บริษัท GNT ผู้ผลิตสี EXBERRY® จากผลไม้ ผัก และพืชนานาชนิด พร้อมแสดงถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมสีผสมอาหารเพื่อความยั่งยืน โดยได้รับการประเมินจาก EcoVadis ซึ่งเป็นผู้จัดอันดับด้านความยั่งยืนทางธุรกิจที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากที่สุดในโลกเกี่ยวกับการตรวจสอบประสิทธิภาพการดำเนินงานและระบุจุดที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560

         หลังจากได้รับรางวัลเหรียญเงินในปีที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัท GNT ได้รับการจัดอันดับเหรียญทองเป็นครั้งแรกในปีนี้จาก EcoVadis ด้วยคะแนนรวม 78 จาก 100 คะแนน จึงทำให้ GNT อยู่ในเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 97 ของธุรกิจการผลิตอาหารที่ได้เข้ารับการประเมิน

         EcoVadis ได้ประเมินผลการดำเนินงานของบริษัท GNT ใน 4 ด้าน โดยให้คะแนนสูงสุดในด้านสิ่งแวดล้อม แรงงานและสิทธิมนุษยชน อีกทั้งยังเพิ่มคะแนนด้านจรรยาบรรณและการจัดซื้ออย่างยั่งยืน จากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การรายงานที่โปร่งใส รวมถึงการทวนสอบก๊าซเรือนกระจกจากผู้ประเมิน โครงการใหม่ที่ช่วยสนับสนุนการฝึกอบรมพนักงานในองค์กรทั้งทางด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการทำงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) อีกทั้งยังมีจรรยาบรรณาและนโยบายสำหรับผู้แจ้งเบาะแสภายในองค์กรอีกด้วย

         ทั้งนี้ Rutger de Kort ผู้จัดการด้านความยั่งยืนจาก GNT Group ได้กล่าวถึงความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเหรียญทองครั้งแรกจาก EcoVadis ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่อุตสาหกรรมของบริษัทชั้นนำของโลกหลายแห่งเลือกใช้ เพื่อประเมินคุณสมบัติด้านความยั่งยืนของซัพพลายเออร์ ด้วยเหตุนี้ การได้รับเหรียญทองในครั้งนี้จึงเป็นการแสดงออกที่ทรงพลัง เนื่องจากมีเพียง 5% ของบริษัทที่ได้รับการประเมินสูงสุด และ GNT ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบริษัท 3% แรกซึ่งแสดงให้ผู้ผลิตได้เห็นว่าสีผสมอาหารจากพืชอย่าง EXBERRY®  นั้นตรงตามมาตรฐานด้านความยั่งยืนอย่างสูงสุด

         ในปี พ.ศ. 2565 บริษัท GNT ได้กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืน 17 ประการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมให้เหมาะสมภายในทศวรรษนี้ โดยความสำเร็จที่ผ่านมา ได้แก่ สามารถลดความเข้มข้นของคาร์บอนในโรงงานผลิตได้ถึงร้อยละ 22 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำได้ถึงร้อยละ 13

         นอกจากนี้ เกษตรกรพันธสัญญาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานของ GNT นั้นได้รับการฝึกอบรมด้านการเกษตรที่ยั่งยืน โดยร้อยละ 74 สามารถผ่านเกณฑ์มาตรฐาน Farm Sustainability Assessment (FSA) ในระดับเงินได้

          นิตยสารฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์ ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จอีกก้าวของบริษัท GNT Group มา ณ โอกาสนี้ หากท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสีผสมอาหารจากพืช สามารถเยี่ยมชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.exberry.com

 


Continue reading “EXBERRY® จาก GNT คว้าเหรียญทองตอกย้ำความสำเร็จด้านความยั่งยืน”

งานสัมมนาออนไลน์เพื่อเพิ่มทักษะของการใช้เครื่องวิเคราะห์สำหรับห้องปฏิบัติการ จากเมทเลอร์-โทเลโด

          เมทเล่อร์-โทเลโดจัดสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “Routine Testing of Balances and Scales” ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเครื่องชั่งในการวิจัยและพัฒนา การควบคุมคุณภาพ และการผลิต ซึ่งข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในกระบวนการชั่งน้ำหนักนั้นทำให้เกิดความสูญเสียทั้งเวลาและต้นทุน อาทิ การสูญเสียวัตถุดิบทดสอบซึ่งมีมูลค่าสูง และการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่สม่ำเสมอให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อบังคับ ซึ่งประสิทธิภาพของเครื่องชั่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอด้วยการสอบเทียบ รวมถึงการทดสอบเครื่องชั่งประจำวันระหว่างการสอบเทียบตามกำหนด ซึ่งจะช่วยรักษาความแม่นยำ ด้วยการตรวจสอบที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของกระบวนการชั่งน้ำหนักล่วงหน้า เพื่อให้สามารถดำเนินการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที

 

          นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสัมมนาที่น่าสนใจวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ในหัวข้อ “Thermomechanical Analysis (TMA)” ซึ่งเป็นเทคนิคใช้สำหรับวัดการเปลี่ยนแปลงมิติหรือการเสียรูปของตัวอย่างเมื่อถูกทําให้ร้อนหรือเย็นลง และอยู่ภายใต้ความเครียดหรือสภาวะที่กําหนดไว้ สามารถใช้ศึกษาวัสดุที่หลากหลายอาทิเช่น พอลิเมอร์ คอมโพสิต เซรามิก โลหะ และชีววัสดุ ซึ่งมักใช้ในการวิจัยวัสดุ การควบคุมคุณภาพ และการวิเคราะห์ความล้มเหลว ทุกท่านสามารถมาร่วมเรียนรู้หลักการพื้นฐาน โหมดการวัด และการใช้งานที่มีประโยชน์

          สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อที่จะได้ไม่พลาดเก็บเกี่ยวความรู้ เพิ่มพูนทักษะ และนำไปใช้ได้จริงในพื้นที่การทำงาน หรือดูงานสัมมนาหัวข้ออื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่เว็บไซต์ www.mt.com/webinars และ www.mt.com หรือ LINE Official Account: @mtth รวมถึงทุกช่องทางของ Food Focus Thailand

เบต้ากลูแคน: สุดยอดใยอาหารเพื่อบำรุงสุขภาพหัวใจ

By:       BENEO Asia Pacific Pte. Ltd.

 

‘เบต้ากลูแคน’ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มใยอาหารและบำรุงสุขภาพหัวใจสำหรับขนมขบเคี้ยว โดยการเสริมส่วนผสมจากพืชนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถกล่าวอ้างถึงประโยชน์ทางด้านสุขภาพบนผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังดีต่อใจเมื่อสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์ได้จริงอีกด้วย

          ผู้บริโภคทั่วโลกเชื่อว่าการดูแลสุขภาพหัวใจมีความสัมพันธ์กับสุขภาพโดยรวม1 จากผลสำรวจของผู้บริโภคชาวยุโรป พบว่าประชากรจำนวน 7 ใน 10 สนใจผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพหัวใจ ถึงแม้ว่าผู้บริโภคเหล่านั้นจะไม่ได้มีปัญหาทางด้านสุขภาพก็ตาม2 จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ผลิตในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่มีการกล่าวอ้างถึงประโยชน์ทางด้านสุขภาพ

          เบต้ากลูแคนจากข้าวบาร์เลย์สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในสูตรการผลิตได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความข้นหนืด ละลายน้ำได้ และเป็นใยอาหารหมักที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ ดังนั้น ผู้ผลิตจึงสามารถกล่าวอ้างบนฉลากได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีใยอาหารสูง

 

          เบต้ากลูแคนนิยมนำมาใช้เพิ่มความหนืดให้กับอาหาร โดยมีส่วนช่วยให้กระบวนการลำเลียงในระบบทางเดินอาหารช้าลง อีกทั้งยังช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด จึงสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้3 นอกจากนี้ ยังช่วยยับยั้งการขนส่งของกรดน้ำดี ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด4 และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ทั้งนี้ประโยชน์ต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ หากมีการบริโภคเบต้ากลูเคนจากข้าวบาร์เลย์เพียง 3 กรัมต่อวันเท่านั้น

          ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่เสริมด้วยส่วนผสมดังกล่าว ไม่เพียงให้ประโยชน์ทางสุขภาพกับผู้บริโภคเท่านั้นแต่ยังมีประโยชน์ต่อผู้ผลิตอีกด้วย จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์กว่า 120 ฉบับ แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ต่อสุขภาพของเบต้ากลูแคนจากธัญพืช ซึ่งผ่านการรับรองจากหน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (European Food Safety Authority; EFSA) องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration; FDA) และกระทรวงสาธารณสุขแคนาดา (Health Canada) จึงสามารถนำมาใช้ในการกล่าวอ้างประโยชน์ทางสุขภาพได้5

          Beneo หนึ่งในผู้ผลิตส่วนผสมอาหารเชิงฟังก์ชัน ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เบต้ากลูแคนที่ผลิตจากข้าวบาร์เลย์อย่าง Orafti® β-Fit ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คลีนเลเบล ไม่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรม และจำหน่ายอยู่ในรูปของแป้งวีแกนจากข้าวบาร์เลย์เต็มเมล็ดที่มีส่วนผสมของเบต้ากลูแคนร้อยละ 20 (น้ำหนักแห้ง) โดย Orafti® β-Fit สามารถประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นขนมอบชนิดต่างๆ เช่น บิสกิต มัฟฟิน คุกกี้ และเค้ก รวมถึงซีเรียล นอกจากนี้ยังนำมาใช้ในการพัฒนาเนื้อสัมผัสในผลิตภัณฑ์นมและนมทางเลือกได้อีกด้วย

          โดย ดร. Isabel Trogh ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าจาก Beneo ได้อธิบายเพิ่มเติมถึง Orafti® β-Fit ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีความคุ้มค่าและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ อีกทั้งยังไม่ส่งผลกระทบต่อสีและกลิ่นรสของผลิตภัณฑ์ รวมถึงยังมีความทนทานต่อค่า pH และอุณหภูมิในสภาวะต่างๆ ทั้งนี้ หากมีการพัฒนาสูตรโดยใช้ Orafti® β-Fit อาจจะต้องมีการปรับสูตรเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มปริมาณน้ำในสูตรตามความเหมาะสม ขณะเดียวกันก็สามารถนำผลิตภัณฑ์นี้มาใช้ทดแทนแป้งแบบดั้งเดิมได้ เช่น การใช้แป้งจากข้าวบาร์เลย์ซึ่งอุดมไปด้วยเบต้ากลูแคนเพื่อทดแทนการใช้แป้งสาลีในอัตราส่วน 1:1 เป็นต้น

          สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Orafti® β-Fit ในสูตรพาสต้าโฮลวีตเพื่อจุดประกายไอเดียและแรงบันดาลใจสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ที่นี่  https://beneo-everyday-heart-health


Beta-glucans can Win Over Hearts in a Beat

 

          ‘Beta-glucans’ are the perfect solution to enhance snacks by introducing dietary fibre and heart health advantages. By incorporating this plant-based ingredient, they become eligible for approved health claims. Make hearts glow with joy and discover how these benefits can be translated into practice!

          Most consumers worldwide understand the connection between heart health and their overall well-being1. For example, 7 out of 10 European consumers show interest in products that support heart health, even if they don’t have specific health concerns2.  As a result, providing snacks with approved health claims presents a compelling opportunity for manufacturers.

         To achieve this in an easy and affordable way, incorporating beta-glucans from barley into recipes is the way to go. Barley beta-glucans are viscous, soluble, fermentable dietary fibres with scientifically proven benefits for heart health. Because of this, they also enable fibre enrichment and corresponding claims.

          Beta-glucans generate a high viscosity, which makes the food thicker and slows its passage through the gastro-intestinal tract. This delays the uptake of glucose from food, lowering the blood glucose response3.  In addition, the high viscosity lowers the uptake of bile acids and thereby reduces blood cholesterol concentration4, helping to cut the risk of coronary heart disease. The beneficial effect is obtained with a daily intake of 3 g barley beta-glucan.

           Snacks enriched with these functional ingredients provide advantages not only for consumers but also for producers. With more than 120 scientific studies demonstrating the beta-glucan health effects from cereals, official bodies including EFSA, the FDA and Health Canada have approved corresponding health claims.5

          BENEO, a leading producer of functional ingredients, offers barley beta-glucans in the form of Orafti® β-Fit, a clean label, non-GMO, vegan-friendly wholegrain barley flour with a beta-glucan content of 20% on dry matter. Orafti® β-Fit can be used in a wide variety of applications. Some snack solutions can include baked goods like biscuits, muffins, cookies and cakes as well as extruded cereals. Also, in dairy and dairy alternatives it can serve as a clean label texturiser.

          BENEO’s Customer Technical Support Manager, Dr Isabel Trogh, sheds even more light on this versatile ingredient: “Orafti® β-Fit is a cost-effective ingredient that offers technical advantages alongside health benefits for consumers. As well as having a neutral colour and taste, it is pH and temperature stable. When reformulating recipes with Orafti® β-Fit, in some cases, small adjustments, like adding a bit more water, might be necessary. But most applications allow for a simple 1:1 replacement of the original flour ingredient, e.g., wheat flour, with our wholegrain beta-glucan rich barley flour.”

 

Discover the full recipe of our whole wheat pasta with Orafti® β-Fit and get inspired for your next product innovations at https://bit.ly/beneo-everyday-heart-health

 


Continue reading “เบต้ากลูแคน: สุดยอดใยอาหารเพื่อบำรุงสุขภาพหัวใจ”

Kerry Drives the Conversation Around the Future of Food Service toward Healthier and Sustainable Food and Beverages

          What can the food service industry do to offer food and beverages that have less of what people want, such as salt, sugar, fat, and more of the taste and flavour they enjoy?

          This fuelled the lively — and live — discussion at Food Service with Impact, Kerry’s first ever collaboration with Kerry Health & Nutrition Institute (KHNI), at the Kerry KL office in late September.

 

         Hosted by Simon Hague, general manager of food service chains, Kerry Southeast Asia, the session, which marked Climate Week 2024, saw an expert panel engaging guests and customers with thought-provoking issues influencing the state of F&B: Oliver Truesdale, founder of Re:Growth spoke on regenerative foods and hospitality; futurist and storyteller Angelia Teo drew on fascinating consumer and health trends shaping our food choices; and KHNI’s Aoife Murphy dished up nutrition into the mix.

 

          Also lending a broader story arc to the future of food service were Nina Rossiana, markets and partnership manager from Rainforest Alliance, and Kerry experts Daniel Campion, Angeline Ho and Pornpun Theinsathid on sustainability, innovation technologies, and the food waste challenge.

 

          To round off a meaningful afternoon, guests then sampled a delicious menu of food and refreshments incorporating Kerry technologies such as Tastesense, Cocoa, Smoke & Grill, and Citrus.

เครื่องเดียวทำได้ครบ! ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลแปรรูป ขนมโมจิ หรือขนมไหว้พระจันทร์ “Hundred Machinery” บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องจักรจากไต้หวัน นำเสนอเครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติ (Encrusting Machines) สุดล้ำสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับผลิตภัณฑ์และสร้างโอกาสทางธุรกิจ

       ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้มีการส่งเสริมเรื่อง “การเพิ่มมูลค่าให้กับอาหาร” อย่างจริงจัง โดยต้องการให้ “การแปรรูปอาหาร” เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ทั้งนี้ ผู้ผลิตหลายรายยังไม่ทราบว่าเครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัตินั้นยังสามารถนำมาใช้ผลิตอาหารยอดนิยมได้อีกหลายชนิด

       Hundred Machinery เป็นผู้ผลิตเครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติรายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน บริษัทมีประสบการณ์ในการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับการแปรรูปอาหารกว่า 28 ปี โดยมีผลิตภัณฑ์หลายประเภท ทั้งเครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติ เครื่องผลิตเกี๊ยว เครื่องผลิตซาลาเปา และเครื่องทำแผ่นแป้งปอเปี๊ยะ ซึ่งเครื่องจักรเหล่านี้สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์และมีประสิทธิภาพสูงเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องจักรที่จำหน่ายโดยทั่วไป เหมาะสำหรับไลน์การผลิตแบบอัตโนมัติของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเบเกอรี อาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ และธุรกิจจัดเลี้ยง

       ตัวอย่างเช่น เครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติ HM-168 (ความเร็วสูง) ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งในโลก และได้รับการจดสิทธิบัตรใน 7 ประเทศ สามารถผลิตผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์และปลาบด เช่น ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นเนื้อ และทอดมันปลา รวมถึงคุกกี้ และขนมโมจิได้ถึง 100 ชิ้นต่อนาที (น้ำหนักไม่เกิน 45 กรัมต่อชิ้น) นอกจากนี้ บริษัทยังมีเครื่องผลิตขนมปังอเนกประสงค์ HM-868 ที่ออกแบบมาเพื่อการผลิตซาลาเปาและหมั่นโถวโดยเฉพาะ โดยมีกระบวนการพิเศษที่ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของแป้ง และยังสามารถใช้ผลิตเบเกิล โดนัท และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อีกด้วย

       ส่วนเครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติ HM-558 รุ่นใหม่นั้น มีฟังก์ชันการใช้งานที่เพิ่มขึ้นด้วยอุปกรณ์เสริมหลายแบบ และสามารถผลิตขนมอบ คุกกี้ และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์หรือปลาบดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รุ่นนี้สามารถติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น อุปกรณ์สำหรับการบรรจุไส้แบบสองชั้น อุปกรณ์ป้อนแยม และอุปกรณ์ยัดไส้ ซึ่งเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีไส้หลายชั้น

         Hundred Machinery จำหน่ายเครื่องจักรมาแล้วกว่า 82 ประเทศทั่วโลก และเพิ่งสร้างฐานการผลิตแห่งใหม่ขึ้นในประเทศไทย นอกจากการเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรที่มีคุณภาพสูงแล้ว บริษัทยังให้บริการทางด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการออกแบบไลน์การผลิต เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนการผลิตจากแบบแมนนวลไปสู่ระบบอัตโนมัติได้อย่างราบรื่นด้วยเครื่องจักรที่มีคุณภาพสูงจากมืออาชีพ

       ทั้งนี้ เพื่อให้การบริการและรับรองลูกค้าเป็นไปอย่างสะดวกยิ่งขึ้น ทาง Hundred Machinery จึงได้เข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้านานาชาติเป็นประจำทุกปี ซึ่งรวมถึงงาน Fine Food Australia ประจำปี พ.ศ. 2567 ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน (Booth No. D32) และงาน Vietnam International Bakery Show ประจำปี พ.ศ. 2567 ที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ เรายินดีต้อนรับทุกท่านที่สนใจเครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอาหาร ซึ่งสามารถเยี่ยมชมเครื่องจักรได้ที่บูธของ Hundred Machinery


Processed Seafood, Mochi, and Delicious Chinese Mooncakes – All in One Machine! Taiwanese Machinery Giant “Hundred Machinery” offers Professional Automatic Encrusting Machines to Transform Food Products and Create Diverse Business Opportunities.

       In recent years, the Thai government has actively promoted “food valorization,” making “food processing” the largest business opportunity for SMEs in Thailand. However, many food operators are unaware that automatic encrusting machines can produce a variety of popular foods.

       Taiwan’s largest automated food encrusting machinery manufacturer—Hundred Machinery—has 28 years of top-notch experience in food processing equipment production and sales. Their equipment ranges include automatic encrusting machines, dumpling machines, steamed bao product lines, and spring roll sheet machines, providing the most competitive, versatile, and high-performance automatic food production lines for bakery, frozen food, meat products, and catering industries.

       For example, the globally best-selling HM-168 Auto Encrusting Machine (High-Speed Type), which holds patents in seven countries, can produce meat and fish paste products like fish balls, meatballs, and Thai fish cakes (Tod Mun Pla), as well as cookies and mochi desserts, with the ability to produce 100 products per minute (under 45 grams each). Additionally, HM offers the HM-868 Multipurpose Bread Machine production line, designed specifically for salabao and sweet bao. Its specialized process maintains the dough’s elasticity, also enabling the production of bagels, donuts, and other products.

       To pursue more functionality, HM has launched the new HM-558 automatic encrusting machine. It features a variety of optional components and can efficiently produce baked snacks, cookies, and meat or fish paste products. The machine can be equipped with double-filling devices, jam feeders, and solid-filling devices to create multi-layered filling flavors.

       Hundred Machinery has marketed its products to 82 countries worldwide and has established a new base in Thailand. It’s not just about high-quality hardware; HM also offers services, including product development and production line design, assisting customers in seamlessly transitioning from manual to automated production while preserving the artisanal touch.

       To serve more international clients, Hundred Machinery participates in many international food exhibitions every year. This includes the upcoming 2024 Fine Food Australia from September 2nd to 5th (Booth No. D32) and the 2024 Vietnam International Bakery Show in December. We welcome customers interested in food encrusting machines to visit Hundred Machinery’s booth.


Hundred Machinery Enterprise Co., Ltd.

Website: https://www.hmfood.com/en

E-mail: hmfood@hmfood.com

Tel: +886-6-268-3899

Fax: +886-6-268-1807

Address: No. 136, Sec. 1, Min’an Rd., Rende Dist., Tainan City 717, Taiwan (R.O.C.)

Hundred Machinery จากไต้หวันสร้างความฮือฮาในงาน THAIFEX Anuga ด้วยเครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติสุดล้ำที่เพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจอาหาร

 

รูปภาพ 1: Hundred Machinery เปิดสาขาใหม่ที่ประเทศไทยในปีนี้และจัดงานสัมมนาเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการอย่างยิ่งใหญ่
Photo 1: Hundred Machinery established a new branch in Thailand this year and held a large-scale seminar.

 

     เชื่อหรือไม่ว่า เครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติ สามารถผลิตอาหารได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทอดมันปลา ลูกชิ้นปลา ซาลาเปา เกี๊ยว และขนมกุยช่าย หรือขนมปังเบเกิล เดนิชโรล คุกกี้ โมจิไอศกรีม ขนมไหว้พระจันทร์ และอีกมากมาย รวมเกือบ 100 ชนิด นอกจากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตและจำหน่ายเครื่องอัดไส้และขึ้นรูปที่มีประสบการณ์ในระดับสากลมาอย่างยาวนานกว่า 28 ปีแล้ว บริษัท Hundred Machinery มีทีมวิศวกรที่สามารถพัฒนาเครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติเต็มรูปแบบให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมการบริโภค รสชาติ และความต้องการเฉพาะของลูกค้าในแต่ละประเทศ และยังมีบริการช่วยวางแผนไลน์การผลิตอาหารที่ครบวงจรด้วย โดยปัจจุบันบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการส่งออกเครื่องจักรไปยัง 82 ประเทศทั่วโลก

 

     การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารในระดับนานาชาติอย่าง THAIFEX Anuga จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับบริษัทฯ ในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ THAIFEX Anuga ถือเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผู้เข้าชมงานกว่า 50,000 ราย และผู้ร่วมแสดงสินค้ากว่า 2,000 รายจาก 120 ประเทศทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดอาหารที่กำลังเติบโตในประเทศไทย บริษัท Hundred Machinery จึงถือโอกาสนี้เปิดตัว เครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติรุ่นใหม่ HM-558 ภายในงานฯ เครื่องรุ่นนี้สามารถใช้ผลิตอาหารได้หลากหลายประเภท ทั้งเบเกอรี คุกกี้ ขนมอบจำพวกเพสตรี้ รวมถึงเนื้อสัตว์แปรรูปและผลิตภัณฑ์จากเนื้อปลาบด นอกจากนี้ ยังสามารถปรับแต่งฟังก์ชันการใช้งาน ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์เสริม อาทิ อุปกรณ์สำหรับการบรรจุไส้แบบสองชั้น อุปกรณ์ป้อนแยม อุปกรณ์ยัดไส้ และเครื่องตัดอัลตราโซนิก ทำให้สามารถผลิตอาหารได้กว่า 100 เมนู รวมถึงอาหารที่ต้องสอดไส้หลายชั้นด้วย ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นในการผลิต ทั้งในด้านรสชาติ รูปลักษณ์ ความสะอาด และประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร ส่งผลให้เครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติของ Hundred Machinery รุ่นนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก ทั้งจากผู้ประกอบการในไทยและประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

     คุณ Kevin Tsai ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท Hundred Machinery กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงมีธุรกิจอาหารขนาดกลางและขนาดย่อมจำนวนมากที่ต้องการปรับปรุงกระบวนการผลิตสู่ระบบอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จึงไม่เพียงมาจัดแสดงสินค้าในไทยเท่านั้น แต่ยังเพิ่งเปิดสาขาใหม่ขึ้นในกรุงเทพฯ อีกด้วย โดยมีการเรียนเชิญผู้ประกอบการอาหารมาร่วมสัมมนาพูดคุย เพื่อนำเสนอโซลูชันในระบบอัตโนมัติที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการชาวไทยโดยเฉพาะ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารในระดับนานาชาติเพิ่มอีก เพื่อขยายบริการไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย สำหรับลูกค้าที่สนใจเครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติ สามารถแวะไปเยี่ยมชมบูธของ Hundred Machinery ได้ที่งาน Fine Food Australia 2024 (บูธหมายเลข D32)  ระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน พ.ศ. 2567 และงาน Vietnam International Bakery Show 2024 ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567

 

 

Continue reading “Hundred Machinery จากไต้หวันสร้างความฮือฮาในงาน THAIFEX Anuga ด้วยเครื่องอัดไส้และขึ้นรูปอัตโนมัติสุดล้ำที่เพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจอาหาร”

Performance Meets Hygienic Industry Requirements: The New Compact Product Line for Level and Pressure Measurement

         หนึ่งในผู้นำด้านการวัดอย่าง Endress+Hauser ได้ค้นพบโซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตอย่างเครื่องมือวัดแรงดัน เครื่องมือวัด ซึ่งสามารถปรับสเกลให้มีความเหมาะสมกับปริมาณการผลิตครอบคลุมการใช้งานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงยา ที่ต้องการควบคุมความสะอาดมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังได้รับการออกแบบตามหลักสุขอนามัย อีกทั้งยังใช้งานง่าย สามารถควบคุมการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้อีกด้วย

          The new compact product line from Endress+Hauser enables higher productivity, ease of use and offers optimal production scalability. The product line is specifically designed for use in the life sciences and food and beverage industries. The product line covers many hygienic applications, consisting of three measuring principles for measuring pressure, continuous levels, and point levels. The new products offer optimal solutions for small vessels and a standardized and user-friendly design.

 

Fully focused on industry requirements

          The customers’ needs completely drove the development of the new product line. Thanks to the compact sensor design, the small process connections and the outstanding performance, the measuring devices are flexible in scale. The sensors can be used in small vessels and pipes and in bigger process tanks. The products’ 360-degree hygienic design and IP69 ingress protection class enable efficient cleaning. The fully welded stainless-steel devices can also remain in place during cleaning and sterilization processes of plants or tanks. This saves time, simplifies cleaning procedures and helps to avoid contamination. Thanks to a touch display, settings can be made intuitively and within minutes directly on the device. As the display is gap-free there is no risk of contamination.

 

Multiple technologies to solve a wide range of applications

          Whether the pressure of your process pipe needs to be measured when cold, medium-like milk is transferred, the level of base ingredients must be monitored continuously or an overfill protection for process tanks is needed, the compact line offers the right measuring device to solve those tasks.

          In pressure measurement technology, the new Cerabar PMP43 impresses with a wide range of sensor variants with fully welded, hygienic process connections, which are used in the food and beverage industry and the life sciences sector.

          With the Liquiphant FTL43, point levels in almost all pumpable liquids can be detected using the proven vibronic technology. A significant advantage is the wide range of applications that do not require adaptation to different media.

          Endress+Hauser also presents the new Micropilot FMR43 free space radar sensor for continuous, contactless level measurement. Thanks to its exceptional performance, the measuring device ensures reliable measurement even under rapidly changing or turbulent process conditions. The hygienic industry’s requirement for even smaller process tanks was also considered during the development of the new devices.

          In addition to the proven 80 GHz technology, a one-half-inch process connection can be realized thanks to a 180 GHz frequency option, which allows use in the smallest process tanks. The variety of the mentioned technologies benefit various applications and help to drive the standardization of measurement solutions at the same time.

 

Maximized product and process safety

         All three technologies maintain required industry certificates, such as EHEDG, 3-A, EG 1935 or ASME BPE, to comply with industry requirements. Material conformity and traceability are given through declarations and certificates (e.g. EC1935/2004, FDA and cGMP). Furthermore, the product line was developed with a tamper-proof design, which means protection against manipulation. Process-critical parameters can be safely locked, and configuration integrity maintained using the safety mode wizard. A proven user role concept supports operators by assigning distinct roles and permissions to control who accesses what, enhancing security and accountability. Heartbeat Technology is a powerful tool for ensuring batch-centric operations. Within minutes, it offers a traceable and documented on-demand verification according to ISO9001. Also, every batch meets the highest standards of quality and safety.

 

Improved plant performance thanks to increased transparency

         The new compact product line can increase production process productivity. The Heartbeat Technology functionalities developed by Endress+Hauser, combined with reliable and comprehensive diagnostics, process and device monitoring, can detect process anomalies such as foam formation or build-up at an early stage. This reduces the risk of plant shutdowns. Additionally, qualitative device health verifications are performed in less than three minutes without disassembly or process interruptions.

Using the traceable in-situ verification function of Heartbeat Technology, calibration intervals can be optimised. An example is the Micropilot FMR43 and the Radar Accuracy Index (RAI). The RAI evaluates the reference measurement accuracy during traceable verification according to ISO 9001 to analyse a possible measurement drift compared to the validated state via factory calibration. In this way, plant operators always have transparency regarding the accuracy of the measuring devices.

Easy to operate due to digital assistance

The new measuring instruments of the compact product line simplify measuring tasks in every respect. The entire product line uses an identical user interface across all technologies. This makes installing, commissioning and operating the devices easier and more intuitive than ever. Numerous digital wizards guide users through commissioning and parameterization. This saves valuable time and helps to prevent human errors. All analyses, controls, maintenance, or function checks can be conveniently performed remotely via smartphone or tablet using Bluetooth® Technology and the SmartBlue app from Endress+Hauser. In addition, the devices can also be integrated into engineering systems or software tools for parameterization and control via digital communication with an IO-Link or HART connection, for example.

 

Your benefits

Outstanding simplicity

  • Easy setup and operation thanks to guided wizards for commissioning, verification and periodic proof tests
  • Harmonized user interface across multiple measurement technologies drives standardization and saves valuable time for training
  • Intuitive and remote operation via Bluetooth® Technology and the SmartBlue App – no need to access the measuring point physically
  • Increased productivity

  • High scalability and flexible use in small and big vessels thanks to compact sensor design, small process connections, and outstanding performance
  • Improved plant performance thanks to increased transparency with the help of Heartbeat Technology
  • Easy device integration into asset management systems thanks to digital communication (via HART or IO-Link)
  • <

    Product + process safety

  • Documented compliance through certified hygienic design (3-A, EHEDG, ASME BPE) and proven material conformity and traceability through declarations and certificates (e.g. EC1935/2004, FDA and cGMP)
  • Reliable measurement due to process monitoring and permanent device diagnostics with Heartbeat Technology
  • Improved process and product safety through tamper-proof design – a checksum algorithm (CRC) ensures that safety-relevant process parameters remain unchanged
  •  

    Compact design, full performance. Endress+Hauser boasts a new product line for continuous level, point level and pressure measurement in hygienic applications.

    For further information, please visit https://www.th.endress.com/

    กระทรวงพาณิชย์เผย 6 แนวทางการพัฒนาสินค้าอาหารจากพืช เพื่อตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

              สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ได้ดำเนินโครงการจัดทำภาพอนาคตสินค้าอาหารจากพืช (Plant-based Food) เพื่อศึกษา วิเคราะห์ศักยภาพ โอกาส แนวโน้มทิศทาง รวมถึงการจัดทำภาพอนาคต (Foresight) ผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย สำหรับการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งทางการค้าของผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน เปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจ พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่

              คุณพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการจัดทำภาพอนาคตว่า ได้ภาพอนาคตสินค้าอาหารจากพืชของไทย 4 ฉากทัศน์ โดยฉากทัศน์ของอนาคตที่เป็นไปได้ (Probable Future) คือ ประเทศไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบอาหารเพื่อสุขภาพของโลก ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบเพื่อผลิตและส่งออกอาหารสุขภาพ รวมถึงตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหาร

     

              นอกจากนี้ ยังมีอนาคตทางเลือก (Alternative Future) อีก 3 ฉากทัศน์ ได้แก่ 1) ฉากทัศน์ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเทศกาล วัฒนธรรม และเกษตรยั่งยืน คือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเทศกาลวัฒนธรรมและเกษตรยั่งยืนของคนไทยและชาวต่างชาติ 2) ฉากทัศน์ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ คือ ประเทศไทยเป็นแหล่งของธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ อีกทั้งยังมีการประยุกต์วัฒนธรรมอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่นร่วมกับธุรกิจอาหารในทุกมุมของประเทศ และ 3) ฉากทัศน์ของสินค้าอาหารแปรรูป Plant-based Food ซึ่งเป็นภาพอนาคตที่เกษตรกรไทยพัฒนาศักยภาพเพื่อเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกสินค้าอาหารจากพืชที่มีคุณภาพและมูลค่าสูง เพื่อตอบรับความต้องการของตลาดโลก

     

              จากผลการศึกษามีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 6 ด้าน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาสินค้าอาหารจากพืชของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และมีความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก ดังนี้

    1) ด้านการผลิตและแปรรูป ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม Plant-based Food ที่สำคัญของโลก ผ่านการส่งเสริมคุณภาพการผลิต พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเกษตร สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความพร้อมทางด้านทักษะต่างๆ

    2) ด้านการตลาด ส่งเสริมการตลาดและการท่องเที่ยว เพื่อขยายโอกาสทางการค้า การส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าสูง เพิ่มการเข้าถึงของลูกค้า และขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยวมูลค่าสูง อาทิ เชิงเทศกาลวัฒนธรรม เชิงเกษตรยั่งยืน และเชิงสุขภาพ รวมทั้งสร้างแบรนด์ โดยสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้โดดเด่นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน

    3) ด้านวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพิ่มมูลค่าและยกระดับคุณภาพให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศด้าน Plant-based Food ระดับโลก ผ่านการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และเผยแพร่องค์ความรู้ รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการวิจัยพัฒนา

    4) ด้านฐานข้อมูล ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลสินค้าเกษตรและ Plant-based Food เพื่อใช้วางแผนการพัฒนานโยบายที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการจัดทำฐานข้อมูลพืชที่มีศักยภาพในแต่ละท้องถิ่น รวมทั้งฐานข้อมูลทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรม Plant-based Food ตลอดห่วงโซ่อุปทาน

    5) ด้านการลงทุน ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ยกระดับคุณภาพสินค้า และสร้างความยั่งยืนในกระบวนการผลิตและการใช้ทรัพยากร อาทิ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรและอีคอมเมิร์ซ ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม Plant-based Food สร้างสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ เพื่อดึงดูดการลงทุนที่มีศักยภาพ และการสนับสนุนด้านเงินทุนและการวิจัยพัฒนาให้กับ SMEs ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี

    6) ด้านกฎหมาย ส่งเสริมให้มีการปรับปรุงพัฒนากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตร และ Plant-based Food เพื่อสร้างกรอบที่ชัดเจน ทันสมัย สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และตอบสนองความต้องการของตลาด อาทิ การจัดทำข้อกำหนดฉลากอาหารจากพืชของไทยเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้บริโภค และพิจารณาทบทวนการปรับลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งพิจารณาทบทวนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยี GMO

              นอกจากนี้ คุณพูนพงษ์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า สนค. ได้จัดทำแผนที่นำทางหรือโรดแมป (Road Map) สำหรับการพัฒนาสินค้าอาหารจากพืชของไทย พ.ศ. 2567 – 2576 ที่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่กล่าวมาข้างต้น โดยแบ่งเป็นระยะเริ่มต้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อส่งมอบให้หน่วยงานภาครัฐและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย รวมถึงหน่วยทุนและหน่วยสนับสนุนทางการค้า สตาร์ทอัป และ SMEs ใช้เป็นข้อมูลและแนวทางการดำเนินงาน เพื่อร่วมกันพัฒนาสานต่อการสร้างภาพอนาคตสินค้าอาหารจากพืช (Plant-based Food) และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางอาหารแห่งอนาคตระดับโลก ด้วยศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งมีความพร้อม และความตั้งใจที่จะสร้างคุณภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนแก่คนไทยและพลเมืองโลก

     

    อ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่: https://tpso.go.th/news/2409-0000000001

    ขับเคลื่อนประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตอาหารและเครื่องดื่มด้วย ‘เทคโนโลยีคลาวด์’ Drive Efficiencies in Food and Beverage Production Processes with ‘Cloud Technology’

              บริษัท อินฟอร์ ซอฟต์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์เพื่อธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ได้จัดงานสัมมนา Cloud Technology Tools: Drive Efficiencies and Productivity with Cloud for F&B Industry” เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี กรุงเทพ สุขุมวิท เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลที่ทันสมัย พร้อมกับแนวทางในการประยุกต์ใช้งานระบบคลาวด์สำหรับนำไปพัฒนาศักยภาพในกระบวนการผลิตอาหารและการจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน

     

              คุณพงษ์ศักดิ์ วรสายัณห์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย และเวียดนาม จากบริษัท อินฟอร์ ซอฟต์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเปิดงานและต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนาอย่างเป็นทางการ พร้อมกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ของบริษัทฯ ที่มีการออกแบบให้มีความเหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมโดยเฉพาะ การให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับธุรกิจ และโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ที่รองรับผู้เช่าหลายราย ซึ่งได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง AWS จึงช่วยให้ข้อมูลบนระบบคลาวด์มีความปลอดภัย ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น และสอดคล้องตามข้อกำหนด อันจะช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมในกระบวนการผลิตได้อย่างยั่งยืน

     

              รศ.ดร. ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการ จากสถาบันไอเอ็มซี ได้อัปเดตถึงเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลที่ทันสมัย จากการที่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจอาหารจำเป็นต้องรับมือกับความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย จึงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัล (Digital Transformation) นำไปสู่การพัฒนากระบวนการผลิต รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบใหม่อยู่เสมอ ทั้งนี้ระบบคลาวด์ถือเป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สามารถนำมาผนวกใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากระบบสามารถควบรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่งและปรับแต่งข้อมูลได้ตามความต้องการด้วยพื้นฐานของระบบ ERP ซึ่งจะเข้ามาช่วยจัดการทั้งระบบการผลิตและระบบควบคุมคุณภาพ รวมถึงช่วยปรับขนาดของกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับทรัพยากรและความต้องการของตลาดได้อีกด้วย

     

              คุณพัทธ์ธีรา วชิรเชาวพงศ์ ที่ปรึกษาด้านโซลูชันอาวุโส บริษัท อินฟอร์ ซอฟต์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงซอฟต์แวร์อัจฉริยะของบริษัทฯ อย่าง Infor CloudSuite F&B ที่ออกแบบมาพร้อมกับความสามารถในการวางแผนทรัพยากรขององค์กรสำหรับโรงงานอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ ขนมอบ เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อสัตว์และสัตว์ปีก อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่เย็นและแช่แข็ง รวมถึงส่วนผสมอาหาร ด้วยระบบคลาวด์ที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย สามารถกำหนดข้อมูลได้ตามประสบการณ์ของผู้ใช้งาน และหากใช้งานร่วมกับระบบ AI, IoT และ BI ก็สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมายพร้อมกรณีศึกษาต่างๆ อาทิ การตรวจสอบย้อนกลับ การวางแผนและควบคุมต้นทุนในการผลิต การจัดการระบบเอกสารระบบคุณภาพ การลดขั้นตอนในการออกใบเสร็จรับเงิน ซึ่งสามารถออกแบบการทำงานได้อย่างครอบคลุมในแต่ละแผนกของโรงงาน

              คุณกาญจนา ว่องพิสุทธิพงศ์ ที่ปรึกษาด้านโซลูชัน บริษัท อินฟอร์ ซอฟต์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอระบบ WMS Cloud Solution ซอฟต์แวร์ที่สามารถจัดการคลังสินค้าได้แบบครบวงจร ช่วยให้ผู้ใช้งานมองเห็นข้อมูลสินค้าคงคลัง คำสั่งซื้อ อุปกรณ์ และบุคลากรได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงช่วยเสริมความถูกต้องและแม่นยำในระบบคลังสินค้าอัตโนมัติได้ ทั้งนี้ ระบบ WMS รุ่นล่าสุดสามารถใช้งานร่วมกับระบบ ERP, OMS, TMS, WCS, MHE และ Robotics หรือผสานร่วมกับระบบที่มีอยู่เดิมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

     

              สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังเผชิญกับปัญหาและความท้าทายในการบูรณาการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์เพื่อพัฒนาธุรกิจของคุณ สามารถเข้ามารับคำปรึกษาเพิ่มเติมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท อินฟอร์ ซอฟต์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.infor.com/th-th

              Continue reading “ขับเคลื่อนประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตอาหารและเครื่องดื่มด้วย ‘เทคโนโลยีคลาวด์’ Drive Efficiencies in Food and Beverage Production Processes with ‘Cloud Technology’”

    Kerry’s new office and Customer Application Centre in Bangna, Bangkok will support innovation and co-creation partnerships.

             Kerry’s new office and Customer Application Centre in Bangkok was officially opened on 19 August. 

              Featuring a beverage lab facility for dairy, refreshing, and carbonated beverages applications, collaborative spaces, and ergonomic furniture, the 749 sq.m. Customer Application Centre is designed to enhance customer engagement while fostering creativity, innovation, and productivity.

       

     

              The new facility enables Kerry Thailand to better serve its customers and drive growth in Thailand’s high potential market.