Continue reading “สิงคโปร์ เปิดโครงการ ‘FoodPlant’ พัฒนาศักยภาพการผลิตอาหาร”
Category: News
ธุรกิจไอศกรีมไม่ใช่แค่ความฝัน
เต็ดตรา แพ้ค ยืนยันความพร้อมโซลูชันครบวงจรสำหรับผู้ผลิตไอศกรีม
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 เต็ดตรา แพ้ค บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร จัดงานเสวนานวัตกรรม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเทรนด์ตลาดล่าสุดของอุตสาหกรรมไอศกรีมภายใต้หัวข้อ “Let’s turn dreams into ice creams: ธุรกิจไอศกรีมไม่ใช่แค่ความฝัน” นำทีมการเสวนาโดย คุณสุภนัฐ รัตนทิพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดจากเต็ดตรา แพ้ค และคุณเพ็ญณี จิรายุวัฒนา เชฟขนมหวานชื่อดัง กรรมการผู้ตัดสินจากรายการแข่งขันทำอาหารและเจ้าของเพจ Penny the Chef โดยภายในงานมีบาร์ไอศกรีมหลากรสหลายรูปแบบจากแบรนด์ชื่อดัง และการแข่งขันตกแต่งหน้าไอศกรีมซึ่งผู้ร่วมงานสามารถรังสรรค์เมนูไอศกรีมในแบบฉบับของตัวเองได้
ไอศกรีมเป็นหนึ่งในความสุขอันเรียบง่ายของหลายล้านคนทั่วโลก และด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมประเทศไทยถึงได้เป็นหนึ่งในประเทศแห่งไอศกรีมที่อยู่ในสามอันดับแรกที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
คุณเพ็ญณี จิรายุวัฒนา เชฟชื่อดัง กล่าวว่า “ไอศกรีมคือของโปรดตลอดกาลสำหรับคนไทย มีหลายแบบและมีรสชาติมากมายให้ทุกคนได้เลือกรับประทาน ไม่ว่าคุณจะชอบแบบไอศกรีมเจลาโตสามชั้นหรือชอบแบบไอศกรีมแท่งเคลือบช็อกโกแลต ไอศกรีมก็จะสร้างความสุขด้วยรสชาติเกินพิกัดให้คุณได้เสมอ ยิ่งวันนี้ได้มาฟังเรื่องราวนวัตกรรมการผลิตไอศกรีมจากเต็ดตรา แพ้ค ที่ร่วมกับผู้ผลิตไอศกรีมหลายๆ แบรนด์ ทำให้เห็นว่า นวัตกรรมเหล่านี้ได้สร้างโอกาสที่น่าทึ่งให้กับผู้ผลิตในประเทศไทย และยิ่งทำให้ต้องตั้งตารอชิมผลิตภัณฑ์ไอศกรีมที่น่าสนใจใหม่ๆ ที่จะตามมา”
การผลิตไอศกรีมไม่ใช่กระบวนการที่ง่ายนัก เพราะเทรนด์ด้านรสชาติและรูปแบบมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและความคาดหวังของผู้ผลิตที่เพิ่มขึ้นในการสร้างความยั่งยืนในทุกแง่มุมการผลิต ด้วยความเชี่ยวชาญระดับโลกและในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการโซลูชันครบวงจร เต็ดตรา แพ้ค ได้สร้างนวัตกรรมที่ช่วยให้บริษัทผู้ผลิตไอศกรีมทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและสะดวกสบาย ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ ความยั่งยืน และเป็นนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นหลักอีกด้วย
คุณสุภนัฐ รัตนทิพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัทเต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เกือบครึ่งหนึ่งของไอศกรีมทั่วโลกผลิตโดยใช้อุปกรณ์เครื่องจักรของเต็ดตรา แพ้ค จากการทำงานร่วมกับผู้ผลิตไอศกรีมชั้นนำมากมายหลายแบรนด์ควบคู่ไปกับการสร้างนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ไอศกรีมมาเป็นเวลากว่าหลายสิบปี เต็ดตรา แพ้ค ได้กลายมาเป็นผู้นำเสนอโซลูชันแบบครบวงจรในอุตสาหกรรมการผลิตไอศกรีมที่ให้บริการครบถ้วนอย่างเต็มรูปแบบในที่เดียว นำเสนออุปกรณ์ทำไอศกรีมครบวงจร ตั้งแต่เครื่องผสมไอศกรีม เครื่องแปรรูปไอศกรีม เครื่องเติมส่วนผสม เครื่องขึ้นรูปไอศกรีม และยังมีส่วนประกอบที่ใส่ลงไปในผลิตภัณฑ์ไอศกรีม ตั้งแต่นมผง สารทดแทน ส่วนผสมเพิ่มความคงตัว รสชาติ และสีสัน รวมถึงไม้ไอศกรีม และโคนหรือบิสกิตต่างๆ อีกด้วย”
จากข้อมูลการตลาดพบว่า ภาพรวมการบริโภคไอศกรีมมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้น มีการวางแผนก่อนการซื้อไอศกรีมมากขึ้น ผู้คนที่มองหาไอศกรีมเพื่อสุขภาพจะมีตัวเลือกมากขึ้น ตั้งแต่ไอศกรีมที่มีส่วนประกอบจากน้ำตาลน้อยลงไปจนถึงไอศกรีมที่ไม่มีส่วนผสมของนมซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าผู้บริโภคจะหันมาสนใจผลิตภัณฑ์จากธัญพืชกันมากขึ้น ก็ยังคงมีความคาดหวังว่าไอศกรีมนั้นจะต้องเข้มข้น มีรสสัมผัสที่เนียนนุ่ม และมีรสชาติอร่อยโดดเด่นเช่นเดิม ซึ่งนับว่าเป็นโจทย์ที่ยาก แต่ศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ของเต็ดตรา แพ้ค ซึ่งให้บริการแบบครบวงจรสามารถจัดการกับปัจจัยเหล่านี้และความท้าทายอื่นๆ ให้กับผู้ผลิตได้
‘บอนกาแฟ’ พร้อมเปิดตลาดนานาชาติอีกครั้งในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2022 พร้อม Exclusive Workshop จากผลิตภัณฑ์ในเครือมากมาย
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย บอนกาแฟ ประเทศไทย พร้อมรับมือกับการเปิดตลาดนานาชาติอีกครั้งในอีเว้นท์ที่ยิ่งใหญ่ของปี THAIFEX – ANUGA ASIA 2022 “The Hybrid Edition” งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่และอลังการแห่งปี จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 24-28 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้คอนเซ็ปต์ Re-imagine the Future of Food & Beverage Industry
โดยในปีนี้ บอนกาแฟ ประเทศไทย พร้อมเปิดให้สัมผัสเครื่องทำกาแฟ La San Marco แบรนด์ชั้นนำจากประเทศอิตาลีที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 100 ปี พร้อมทั้งมี Espresso Profiling Workshop ที่ชวนให้บาริสต้าและผู้หลงใหลในกาแฟมาร่วมค้นหาโปรไฟล์กาแฟกับผู้เชี่ยวชาญคนดังด้านกาแฟโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีเวิร์คช็อปอีกมากมายที่เปิดให้ตื่นตาตื่นใจด้วยการร่วม ชง ชิม และสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มใหม่ๆ จากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่บอนกาแฟเป็นผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายอย่างไม่ว่าจะเป็น ANDROS FRUIT CHUNKY Tasting Demonstration ที่ได้รับเกียรติจาก ANDROS ASIA Drinks specialist มาร่วมรังสรรค์เมนูใหม่ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อผลไม้เข้มข้น (Fruit Preparation) พร้อมทั้ง Coffee Mixologist Demonstration จาก Drinks specialist ของ Boncafe Academy อีกด้วย
ในบรรยากาศวันสุดท้ายที่เปิดสำหรับบุคคลทั่วไปได้เข้าชม ทางบอนกาแฟมอบกิจกรรมและโปรโมชั่นสุดพิเศษมากมายให้ผู้ร่วมงานเข้าร่วมสนุกได้จับจองสินค้าในช่วงเวลาแฟลชเซลล์ ไม่ว่าจะเป็น ซื้อ Lyons 2 ขวด แถมฟรี 1 ขวด และโปรโมชั่นพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย นับว่าเป็นการกลับมาของบริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด ที่สร้างบรรยากาศครึกครื้นและสีสันให้กับงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2022 ได้อย่างมากเลยทีเดียว
As the Covid-19 situation starts to ease, Boncafé (Thailand) is geared up for deeper penetration of international markets to capitalize on business opportunities by joining THAIFEX-ANUGA ASIA 2022 “Hybrid Edition”, the largest and most comprehensive international food and beverage trade show in Asia.
Organised by the Department of International Trade Promotion, Ministry of Commerce, the Thai Chamber of Commerce, and Koelnmesse of Germany, the event is scheduled during 24-28 May 2022 at IMPACT Muang Thong Thani where it will take “Re-imagine the Future of Food & Beverage Industry” as its grand theme.
This year, Boncafé (Thailand) provides participants hands-on experiences of La San Marco, makers of Italy’s leading coffee machines going back over a century. Visitors to the exhibition will also have the opportunity to join Espresso Profiling Workshop where baristas and passionate coffee lovers will explore new coffee types alongside renowned coffee experts.
Other upbeat activities at the show include Andros Fruit Chunky Tasting Demonstration, creating new coffee menus from various products imported and distributed by Boncafé. The demonstration is honoured to have the support of Andros Asia Drinks specialists who together with Boncafé Academy’s beverage talents will demonstrate new coffee menus created with a range of fruit preparations at “Coffee Mixologist Demonstration”.
On the last day of the show, which is open to the public, Boncafé offers a range of special promotions and activities for participants to have fun while laying their hands on excellent coffee products at flash sales prices. Offers include Buy two Lyons designer sauce, get one free as well as many more promotions.
The show marks a great come back for Boncafé (Thailand) as it contributes to what will be an especially fun and exciting edition of THAIFEX- ANUGA ASIA 2022.
Italian Food and Beverage Products Back “Stronger-Than-Ever” at THAIFEX-Anuga 2022 in Bangkok, Presented by the Italian Trade Agency and Italian Embassy
กลับมาอีกครั้งกับกองทัพอาหารและเครื่องดื่มอิตาลี “ยิ่งใหญ่-กว่า-เดิม” ที่อิตาเลียนพาวิลเลียนโดยสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย ในงานจัดแสดงสินค้า THAIFEX-Anuga ปี 2565 กรุงเทพฯ พร้อมกับกิจกรรมสาธิตวิธีการทำอาหารโดยเชฟชาวอิตาเลียน จากวัตถุดิบ อิตาเลียนแท้ และบูธลาซาด้า ช้อปปิ้งออนไลน์ ที่อิตาเลียนพาวิลเลียน Continue reading “Italian Food and Beverage Products Back “Stronger-Than-Ever” at THAIFEX-Anuga 2022 in Bangkok, Presented by the Italian Trade Agency and Italian Embassy”
ความเติบโตในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่ส่วนประกอบเป็นสาร CBD จากกัญชาและผลิตภัณฑ์จากพืช
ตอกย้ำความเชี่ยวชาญ 3M คว้ารางวัลเหรียญทอง Edison Awards™ 2022 ด้วยนวัตกรรม Petrifilm™ Plate Reader Advanced
Messe Frankfurt จับมือ VNU Exhibitions จัดงานใหม่ Meat Pro Asia บุกตลาดอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปในเอเชีย พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในงาน IFFA 2022
Ms.Panadda Kongma, Director of Agri-business and Operation, VNU Asia Pacific Mr.Johannes Schmid-Wiedersheim, Director Brand Management Food Technology (IFFA)
จากกลยุทธ์การขยายตลาดสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีการผลิตอาหาร Messe Frankfurt และ VNU Exhibitions จึงประกาศความร่วมมือการจัดงาน ‘Meat Pro Asia’ งานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมการแปรรูปเนื้อสัตว์สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อขยายกลยุทธ์สู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีอาหารที่กำลังขยายตัว งานนี้จะจัดขึ้นทุกๆ สองปีในประเทศไทยพร้อมกับงาน VIV Asia งานแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารจากโปรตีนสัตว์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภูมิภาค โดยงาน Meat Pro Asia ครั้งแรกนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 8-10 มีนาคม พ.ศ. 2566 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งในโอกาสที่งาน IFFA แฟรงเฟิร์ตได้เวียนกลับมาจัดงานเต็มรูปแบบอีกครั้งทางทีม Meat Pro Asia จากประเทศไทย จึงร่วมนำเสนอข้อมูลของงาน Meat Pro Asia ภายใน IFFA Forum โดยได้รับเกียรติจาก คุณปนัดดา ก๋งม้า ร่วมให้ข้อมูลกับบรรดาสื่อมวลชนและผู้ประกอบการภายในงาน IFFA ครั้งนี้
Mr. Wolfgang Marzin ประธานและประธานกรรมการบริหาร บริษัท Messe Frankfurt Group กล่าวถึงงาน Meat Pro Asia ที่กำลังจะถูกเพิ่มในปฏิทินการจัดงานว่า “แม้เราต้องพบกับความท้าทายในช่วงครึ่งปีแรก แต่เรายังมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในการสร้างงานแสดงสินค้าใหม่ในช่วงเวลานี้ ตลาดใหม่เกิดขึ้นมากมาย อีกทั้งตลาดเดิมก็เกิดการพัฒนาอย่างชัดเจน เนื่องด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นถึง 600 ล้านคน จึงทำให้อาเซียนถูกจับตามองมากเป็นพิเศษในฐานะภูมิภาคที่มีศักยภาพและการเติบโตสูงในภาคธุรกิจ เช่นเดียวกับ อุตสาหกรรมอาหารแปรรูปเนื้อสัตว์ ซึ่งเราจะแสดงให้เห็นผ่านงานแสดงสินค้าใหม่นี้”
“นี่คือการเพิ่มเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างประเทศของการจัดงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการแปรรูปอาหาร Meat Pro Asia จะเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Messe Frankfurt” Mr.Stephan Buurma คณะกรรมการผู้บริหาร บริษัท Messe Frankfurt Group และ กรรมการผู้จัดการสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า “เรามองเห็นศักยภาพในการใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในส่วนธุรกิจจากการจัดงาน IFFA ใน แฟรงค์เฟิร์ตเพื่อนำเสนองานแสดงสินค้าแปรรูปเนื้อสัตว์ชั้นนำของโลกมาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ความร่วมมือในอุตสาหกรรม
“การทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Messe Frankfurt เรามุ่งมั่นที่จะนำสิ่งที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารมานำเสนอในงาน Meat Pro Asia เพื่อสร้างแรงผลักดันให้ Meat Pro Asia ให้เป็นเวทีที่ได้รับความเชื่อมั่นในภูมิภาคอาเซียนด้านธุรกิจการแปรรูปเนื้อสัตว์” Mr. Igor Palka กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีเอ็นยู เอ็กซิบิชั่นส์ เอเชีย แปซิฟิค กล่าว “เราได้มีการติดตามการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจการแปรรูปอาหารภายในงานของเราบางส่วน ดังนั้นการจัดงาน Meat Pro Asia ควบคู่ไปพร้อมกับ VIV Asia จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ด้วยความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้ของ Messe Frankfurt พันธมิตรการจัดงานร่วมกันในครั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่างานจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง” Mr. Palka กล่าว
ความเป็นสากลเป็นองค์ประกอบสำคัญของงาน VIV Asia และงาน Meat Pro Asia”
คุณ ปนัดดา ก๋งม้า ผู้อำนวยการสายงานธุรกิจเกษตร-ปศุสัตว์ และฝ่ายปฏิบัติการ วีเอ็นยู เอ็กซิบิชั่นส์ เอเชีย แปซิฟิค กล่าวว่า “กำหนดการจัดงานใหม่ในปี 2566 จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย อาทิ การดึงดูดผู้ซื้อจากต่างประเทศและผู้มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรม โดยเดือนมีนาคมเป็นช่วงเวลาดั้งเดิมของ VIV Asia และเป็นช่วงเวลาการจัดหาที่มั่นคงและเหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรม โดยทั้งสองงานนี้จะมีกำหนดการจัดงานขึ้นในเดือนมีนาคม ในทุกๆ 2 ปี ซึ่งเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้จัดงาน Meat Pro Asia ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ในปี 2566”
ตลาดที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและน่าจับตามอง
ตลาดอาหารแปรรูปในอาเซียนถูกผลักดันโดยความต้องการของชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตถึง 5% ต่อปีไปจนถึงปี พ.ศ. 2565
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นแรงผลักดันสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ คือ นโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอาหาร 5 อันดับแรกของโลกภายในปี พ.ศ.2579 ดังนั้นจึงมีการการส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางการค้าและกฎหมายที่เอื้อต่อผู้เข้าร่วมและนักลงทุน Meat Pro Asia จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจากทั้งอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ให้เข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพสูงยิ่งขึ้น
ครอบคลุมผลิตภัณฑ์จากฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร
Meat Pro Asia พร้อมมอบทุกโซลูชันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ครอบคลุมทุกกระบวนการผลิตตั้งแต่ฟาร์ม การผลิตเนื้อสัตว์ ตลอดจนการแปรรูปสู่โต๊ะอาหาร หรือ Farm to Table ซึ่งรวมถึงกระบวนการฆ่าสัตว์ ห่วงโซ่การประมวลผลเต็มรูปแบบ บรรจุภัณฑ์ การติดฉลาก ระบบการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ การควบคุมคุณภาพ สุขอนามัย IoT และระบบอัตโนมัติ รวมถึงการบำบัดน้ำเสีย และอื่นๆ
Meat Pro Asia มีกำหนดจัดขึ้นเป็นครั้งแรกใน วันที่ 8-10 มีนาคม 2566 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 กรุงเทพฯ ร่วมกันกับงาน VIV Asia โดยทั้งสองงานจะดึงดูดผู้แสดงสินค้ากว่า 1,500 ราย รวมถึงผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้จัดจำหน่าย ตลอดจนผู้เข้าร่วมงาน ผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้ซื้อประมาณ 50,000 รายจากทั่วโลก
งาน Meat Pro Asia จัดโดย Messe Frankfurt (HK) Ltd และ VNU Asia Pacific
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดตามได้ที่ www.meatpro-asia.com
ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ meatproasia@china.messefrankfurt.com / meatproasia@vnuasiapacific.com
“พาณิชย์-DITP” ชี้เป้าผู้ส่งออก ขายสินค้าที่มีส่วนผสม “โพรไบโอติกส์” เจาะตลาดจีน
‘HITEC’ launches an official website to sell demo machines, with consignment services to serve long-term customers
‘ไฮเทค’ เปิดตัวเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ สำหรับจำหน่ายเครื่องจักรตัวโชว์พร้อมบริการรับฝากจำหน่ายเครื่องจักรมือสองของลูกค้าเพื่อให้บริการในระยะยาว
อย. จับมือกรมศุลกากร พัฒนาธุรกรรมการเชื่อมโยงข้อมูลด้านการนำเข้า และส่งออก สินค้าข้ามแดนทางบก ผ่านระบบ NSW
นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับกรมศุลกากร ได้ดำเนินการพัฒนาธุรกรรมการเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า – ส่งออก และโลจิสติกส์ ให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ National Single Window (NSW) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ โดยยื่นเอกสารเพียงครั้งเดียว สามารถส่งข้อมูลให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง อย. มี 5 ธุรกรรม ได้แก่
1.คำขอใบแจ้งการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ
2.ข้อมูลใบแจ้งการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ
3.ยกเลิกข้อมูลใบแจ้งการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ
4.ข้อมูลใบขนสินค้าผ่านพิธีการขาเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพ
5.ข้อมูลแจ้งผลการตรวจปล่อยผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ในปี 2565 อย. มีแผนการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลการนำเข้าและส่งออกสินค้าข้ามแดนทางบก รองรับกลุ่มประเทศตามยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง หรือ ACMECS ผ่านระบบ NSW โดย อย. มีพิกัดศุลกากร และรหัสสถิติที่ควบคุมสินค้านำเข้าส่งออกผ่านระบบ NSW จำนวน 3,207 รายการพิกัดศุลกากรและรหัสสถิติ ปัจจุบันได้ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาต/ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ NSW ครบ 100 % ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยให้ผู้นำเข้า และส่งออกสินค้าได้รับความสะดวกรวดเร็วในการยื่นเรื่องขออนุมัติ/อนุญาตผ่านพิธีการศุลกากรแบบไร้เอกสารทางระบบ NSW ซึ่งสามารถลดขั้นตอน ลดระยะเวลา ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ และจัดทำเอกสาร รวมทั้งค่าบริการต่าง ๆ จากการติดต่อผ่านหลายหน่วยงาน และส่งเสริมให้เกิดความโปร่งใสในกระบวนการนำเข้าส่งออกสินค้าของประเทศไทย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเชื่อมโยงระบบของหน่วยงานให้สามารถส่งข้อมูลใบอนุญาตการนำเข้าส่งออก และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพิธีการศุลกากรไปยังระบบ NSW ได้ทางอิเล็กทรอนิกส์
รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวเสริมว่า พร้อมที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เพื่อให้มีความสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง และโปร่งใสมากขึ้น ตลอดจนสนับสนุนและส่งเสริมให้ภาคธุรกิจสามารถนำเข้า – ส่งออกได้อย่างราบรื่น บนพื้นฐานความปลอดภัยของผู้บริโภค และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน
Source