METTLER TOLEDO พร้อมปลดล็อคและเพิ่มศักยภาพแก่ผู้ประกอบการ ด้วย LIVE WEBINAR เต็มรูปแบบ

พบกับ Live Webinar (สัมมนาออนไลน์) จาก Mettler-Toledo ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2564 ที่พร้อมมอบความรู้และเทคนิคด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการทำงานของผู้ประกอบการทุกท่าน แบบส่งตรงถึงที่ทำงาน หรือถึงบ้านของท่านในช่วง WFH นี้ ทั้งทีมงานและวิทยากรที่มีประสบการณ์ ได้คัดสรรหัวข้อสัมมนาอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคนิคการใช้งานเครื่องมือให้มีประสิทธิภาพและได้รับผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด หรือหัวข้อพิเศษจากฝ่ายบริการที่จะมาแนะนำวิธีการตรวจเช็คเครื่องมือ เพื่อยืดอายุการใช้งานเครื่องมือให้ยาวนานยิ่งขึ้น นอกจากเนื้อหาความรู้แล้ว ยังมีกิจกรรมและเกมสนุกๆ ชิงรางวัล พร้อมช่วงของการถาม-ตอบ ซึ่งทางวิทยากรผู้บรรยายแต่ละหัวข้อพร้อมตอบคำถามของท่านแบบเรียลไทม์ในช่วงไลฟ์ทันที

 

📅 ตารางโปรแกรมเว็บบินาร์ประจำเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2564

21 ก.ค. การติดตั้งและการเลือกใช้งานเครื่องมือ pH และ Conductivity

24 ส.ค. การออกแบบระบบเครื่องชั่งรถบรรทุกใต้ Silo/Hopper เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสเชื้อ COVID-19

8 ก.ย.   การวิเคราะห์ความผิดพลาดจากการชั่งน้ำหนักตามมาตรฐาน IS017025

13 ก.ย.  ระบบการควบคุมคุณภาพการวิเคราะห์หาปริมาณความชื้นอย่างมีประสิทธิภาพ

14 ก.ย.  การวิเคราะห์หาค่า DOBI และแนวทางการลดขั้นตอนและเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยเครื่อง UV/VIS

 

 

รายละเอียดเพิ่มเติมแต่ละหัวข้อ คลิก www.mt.com

หรือเพิ่มเพื่อน Line Official Account: @MTTH

เปิดรับลงทะเบียนวันนี้ รับจำนวนจำกัด

 

ชี้ช่อง e-Commerce รุกตลาดออนไลน์ พิชิตธุรกิจฮาลาลยุค New Normal

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จับมือศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าฮาลาลไทย และเครือข่ายธุรกิจ Moc Bizclub จัดงานสัมมนาการสร้างและพัฒนาศักยภาพ e-Commerce หลักสูตรก้าวถูกทิศ พิชิตธุรกิจฮาลาล ยุค New Normal ภายใต้โครงการเพิ่มโอกาสการค้าด้วย e-Commerce เพื่อพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เดินหน้าส่งเสริมผู้ประกอบการสินค้าฮาลาลค้าออนไลน์ โดยมี ผศ. ดร.นิฟาริด ระเด่นอาหมัด รองผู้อำนวยการศูนย์​วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายพิชิต รังสิมันต์ นายกสมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าฮาลาลไทย นายสรยุทธ อังคณานุกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้าน e-Commerce และนายสยาม ทรัพย์สีทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพ ให้เกียรติร่วมบรรยาย

 

การปรับตัวธุรกิจฮาลาล 

นายพิชิต เปิดประเด็นการปรับตัวธุรกิจฮาลาลเพื่อเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ผ่านทางแพลตฟอร์มต่างๆ ว่า สิ่งแรกที่ผู้ประกอบการควรคำนึงและใส่ใจ คือ การทำสินค้าให้มีคุณภาพ ถ้าเป็นธุรกิจอาหารก็ต้องมีรสชาติอร่อย ถูกปากชาวบ้าน ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ดูแล้วน่าสนใจ น่ารับประทาน ช่วยเพิ่มราคาสินค้าได้ แม้ผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SMEs จะมีทุนน้อย สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจอาหารฮาลาล คือ ความซื่อสัตย์ ใส่ใจเลือกวัตถุดิบ ทำอาหารสะอาด ถูกหลักอนามัย สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค

 

ตอบรับเทรนด์การส่งอาหารเดลิเวอรี 

ด้าน ผศ. ดร.นิฟาริด กล่าวว่า ในยุคโควิด-19 การส่งอาหารเดลิเวอรีได้รับความนิยมสูงมาก บางร้านมีเครื่องหมาย Clean Food Good Taste รับรอง ในขณะที่บางร้านไม่มี เรื่องนี้ภาครัฐควรเข้าไปดูแลตรวจสอบอย่างจริงจัง และในอนาคตควรเพิ่มคำว่า Safe in Transformation เข้าไปด้วย เพื่อให้ครอบคลุมครบทุกวงจร โดยหัวใจหลักของสินค้าเพื่อการบริโภคเน้นเรื่องความปลอดภัยและรสชาติอร่อย หากผู้ประกอบการหน้าใหม่ต้องการอยากจะเปิดตลาด อาจใช้วิธีการส่งสินค้าตัวอย่างไปให้ผู้บริโภคได้ลองชิม หรือแนะนำสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งผู้ประกอบการหน้าใหม่ควรใส่ความคิดสร้างสรรค์ กล้านำเสนอสิ่งใหม่ นำสิ่งที่เคยทำไปต่อยอดพัฒนาขยายสินค้าให้มีความหลากหลายแปลกใหม่มากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องติดตามความเคลื่อนไหวในแวดวงร้านค้าต่างๆ เพื่อรู้เขารู้เรา นำข้อมูลไปปรับปรุงการให้บริการ เพิ่มการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า สร้างความไว้ใจให้มากยิ่งขึ้น

 

 

ยุคนี้คอนเทนต์ต้องโดน

นายสรยุทธ กล่าวว่า ปัจจุบันไม่มีแพลตฟอร์มใดดีที่สุด เพราะผู้บริโภคมีความหลากหลาย แต่ละร้านควรมีมากกว่า 1 แพลตฟอร์ม และต้องมีความเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ พร้อมตอบคำถามลูกค้าตลอดเวลา ที่สำคัญต้องหมั่นศึกษารายละเอียดคู่แข่ง ลองเอาคอนเทนต์เราไปเปรียบเทียบ โดยให้คิดว่าเป็นเหมือนการทำหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร ควรมีทั้งประเภทข้อความที่โพสต์ประจำกับข้อความเนื้อหาพิเศษ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและคุมโทนการโพสต์ อย่างน้อยควรลงข้อความวันละ 2 รอบ ยิ่งช่วงวิกฤตโควิด-19 ถนนธุรกิจทุกสายย้ายไปอยู่บนมือถือ คอนเทนต์สินค้าที่จะขายได้ต้องอ่านผ่านมือถือรู้เรื่อง โดยทั่วไปเน้นประเด็นไม่เยอะ สั้นๆ กระชับ แต่ถ้าเป็นเรื่องเด่นพิเศษที่น่าสนใจ ผู้อ่านก็อยากติดตามเข้าไปอ่านเนื้อหายาวๆ ต่อได้ รวมทั้งต้องพยายามมองหาลูกค้ามากกว่า 1 กลุ่ม ร้านใดเคยขายอาหารทั่วไปควรลองหันมาขายอาหารฮาลาลเพิ่มขึ้น พร้อมกับลองสื่อสารข้อมูลผ่านทางโลกออนไลน์ จากนั้นทำการเก็บข้อมูลลูกค้าก่อนนำไปวิเคราะห์เพื่อผลิตเป็นคอนเทนต์

 

รายเล็กก็ผลิตคอนเทนต์เองได้ 

ปิดท้ายที่ นายสยาม กล่าวว่า ธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบประมาณไม่มาก ก็สามารถผลิตคอนเทนต์โดยใช้อุปกรณ์ง่ายๆ อย่างโทรศัพท์มือถือ ไว้ถ่ายภาพนิ่งและทำคลิปวิดีโอลงในสื่อออนไลน์ ผู้ประกอบการรายเล็กต้องสามารถเป็นเอเจนซีโฆษณาได้ด้วยตนเอง ทำตั้งแต่ Account Executive คนทำหน้าที่ดูแล จัดการ และบริหารลูกค้า รวบรวมข้อมูลทั้งหมดของธุรกิจ ศึกษารายละเอียดคู่แข่ง กำหนดคอนเทนต์ว่าต้องการสื่ออะไร จากนั้นต้องเป็น Creative นำไอเดียมาคิดต่อยอดว่าควรจะนำเสนอคอนเทนต์อย่างไรให้ตอบโจทย์ และเลือกมีเดียที่จะใช้สื่อออกไป ก่อนที่ Art Director จะเอาสิ่งที่ครีเอทีฟคิดมาคุมเนื้อหาไม่ให้หลุดคอนเซ็ปท์ จากนั้นไปจบที่การทำโปรดักชัน ถ่ายภาพนิ่ง ถ่ายคลิปวิดีโอและตัดต่อ หากมีงบประมาณไม่มาก ก็ต้องทำเองทุกขั้นตอน อาจทำผ่านแอปพลิเคชันง่ายๆ บนโทรศัพท์มือถือ ทำพอให้ใช้กับงานที่ลงในสื่อออนไลน์ได้

 

 

สำหรับจุดมุ่งหมายการสร้างคอนเทนต์เพื่อขายสินค้าบนโลกออนไลน์ มีอยู่ 5 ประการ ได้แก่

  1. 1. Brand awareness การสร้างคอนเทนต์เพื่อการรับรู้ เหมาะสำหรับการเปิดตัวสินค้าใหม่
  2. 2. Brand Loyalty การสร้างคอนเทนต์เพื่อตอกย้ำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ หรือสร้างความจงรักภักดีให้กับตัวสินค้า
  3. 3. Follow up การสร้างคอนเทนต์ให้คนไปติดตามรายละเอียดของสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ
  4. 4. Sale การสร้างคอนเทนต์เพื่อเน้นขายสินค้าเพียงอย่างเดียว
  5. 5. Cycle repurchase การสร้างคอนเทนต์เพื่อให้ผู้บริโภคอยากกลับมาซื้อสินค้าซ้ำ

 

ทั้งหมดเป็นความรู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง โดยเฉพาะผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลทั้งรายเล็กและรายใหญ่ที่ต้องการแสวงหาตลาดในช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 ที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป หันมาเลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวพัฒนาศักยภาพ นำ e-Commerce ไปใช้ประกอบธุรกิจ โดยอาศัย Digital Economy เป็นเครื่องมือช่วยผลักดันขยายโอกาสและช่องทางการตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ขยายธุรกิจให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ดันขายสินค้าไทยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในสิงคโปร์

สิงคโปร์, 1 มิถุนายน 2564 – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ผลักดันสินค้าไทยขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Lazada/ Redmart ในสิงคโปร์ เผยสินค้าเข้าร่วมรายการจำนวนกว่า 700 รายการ ยอดขายรวมกว่า 600,000 เหรียญสิงคโปร์ หรือกว่า 14 ล้านบาท

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เดินหน้ายุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พร้อมทำหน้าที่ “เซลส์แมนประเทศ” เพิ่มโอกาสในการส่งออกให้สินค้าและบริการของไทย และปรับใช้ช่องทางออนไลน์ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งกรมฯ ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงสิงคโปร์ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านแพลตฟอร์ม Lazada/RedMart และประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อโซเชียลมิเดีย เมื่อวันที่ 28 เมษายน-11 พฤษภาคม 2564 ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวสิงคโปร์และผู้อาศัยอยู่ในสิงคโปร์

 

ทั้งนี้ กิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยดังกล่าว มีประเภทสินค้าที่เข้าร่วม ได้แก่ สินค้าอาหาร เครื่องดื่ม ผัก ผลไม้ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคของไทย จำนวนกว่า 700 รายการ ยอดขายรวมกว่า 600,000 เหรียญสิงคโปร์ หรือกว่า 14 ล้านบาท ส่งผลให้สินค้าไทยมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นและสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ สินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุง และซอสต่างๆ รวมถึงสินค้าอาหารแช่แข็ง และอาหารสด

 

 

นางสาวสุปราณี ก้องเกียรติกมล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงสิงคโปร์ กล่าวว่า มาตรการผ่อนปรนเข้าสู่การเปิดประเทศของรัฐบาลสิงคโปร์ในช่วงการจัดกิจกรรม ทำให้การซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมสูง เพราะมีความสะดวกและรวดเร็ว โดยพฤติกรรมผู้บริโภคสินค้าออนไลน์มีแนวโน้มที่จะขยายเพิ่มมากขึ้นต่อไป การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยผ่านแพลตฟอร์ม Lazada/Redmart ยังเป็นช่องทางในการเปิดโอกาสให้ผู้นำเข้าพิจารณานำเข้าสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม ผัก ผลไม้ไทย และสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยอื่นๆ โดยเฉพาะแบรนด์สินค้าใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมายังตลาดสิงคโปร์มากยิ่งขึ้น นอกจากนื้ การประชาสัมพันธ์กิจกรรมผ่านทางสื่อโซเชียลมิเดียยังสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าไทยแก่ผู้บริโภคชาวสิงคโปร์และผู้ที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์และทำให้ภาพรวมในการจำหน่ายสินค้าไทยในสิงคโปร์ดียิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสในการพัฒนาสินค้าไทยที่เกี่ยวข้องให้เกิดความเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคตต่อไป

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร.1169

“Anuga Virtual Press Conference 2021” ตอกย้ำความพร้อมในการจัดงานในรูปแบบ Hybrid ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงความพร้อมในการร่วมงานของประเทศไทยจาก DITP และหอการค้าไทย

May 25, 2021 – Singapore

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ทาง Anuga ได้จัดงานแถลงข่าวออนไลน์ “Anuga Virtual Press Conference 2021” เพื่อต้องการสร้างความเชื่อมั่นของการเป็นผู้นำการจัดงานแสดงสินค้าและติดต่อซื้อขายผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก โดยในปีนี้มีธีมหลักของงานคือ “Transform” ที่มุ่งเน้นไปที่เมกะเทรนด์อย่าง ความยั่งยืน (Sustainability) และสุขภาพ (Health) โดยในงานแถลงข่าวครั้งนี้คุณ Anne Shumacher รองประธานด้านอาหารและเทคโนโลยีอาหารของ Koelnmesse GmbH. กล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นการตอกย้ำความสามารถในการเป็นผู้นำด้านการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายจากทั่วโลก แม้จะมีสถานการณ์ COVID-19 โดยได้มีการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับกระแส New Normal นี้ เช่น การเพิ่มขนาดทางเดินของงานนิทรรศการซื้อขายครั้งนี้ หรือการขอความร่วมมือจากผู้ร่วมงานในการลดการสัมผัสด้วยการติดตั้งจุด QR-Code เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถสแกนเพื่อรับเอกสารแนะนำต่างๆ เป็นต้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้งาน Anuga ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9-13 ตุลาคม 2564 ว่ามีความปลอดภัยต่อผู้ที่ร่วมงานทุกท่าน รวมถึงสำหรับผู้ที่สนใจแต่ไม่สามารถร่วมงานครั้งนี้ได้ สามารถร่วมงานผ่านทางระบบออนไลน์ได้อีกด้วย

          คุณณัฐิยา สุจินดา กรรมการผู้จัดการของ DITP (Department of International Trade Promotion) ได้แนะนำแนวทางของประเทศไทยที่ปรับการจัดแสดงงาน Anuga ที่จะจัดขึ้นที่เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนีว่าทาง Thai Pavilion มีความพร้อมในการจัดงานภายใต้สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ด้วยการจัดงานแบบ Mirror-Mirror ที่จะติดตั้งเครื่องมือสื่อสารแบบเห็นใบหน้าที่สถานที่จัดงานให้ผู้ซื้อที่สนใจสามารถติดต่อกับผู้ขายในประเทศไทยที่พร้อมสื่อสารผ่านช่องทางนี้เสมือนการพบปะจริง โดยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ตามปกติ และพร้อมกันนั้นยังมีการติดตั้งระบบให้ผู้ร่วมงานสามารถสแกนเอกสารหรือข้อมูลที่ต้องการได้ จึงมั่นใจในศักยภาพการร่วมงานครั้งนี้ของประเทศไทยแม้ว่าจะไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานอย่างเคย

สำหรับทางหอการค้าไทยหรือ Thai Chamber of Commerce คุณสนั่น อังอุบลกุล  ประธานกรรมการหอการค้าไทย ได้กล่าวถึงในส่วนของการค้าไทยที่ทางหอการค้าไทยที่ต้องการจะเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อกันของภาคธุรกิจทุกขนาด ด้วยแนวคิด “Connect the dot” ที่ต้องการผนึกกำลังให้ทุกขนาดธุรกิจให้สามารถก้าวผ่านสถานการณ์ COVID-19 ไปด้วยกัน และร่วมกันส่งเสริมให้สินค้าจากประเทศไทยมุ่งสู่การเป็นสินค้าระดับแนวหน้าที่เป็นที่รู้จักในระดับสากล

นอกจากนี้ คุณ Chris Sanderson ผู้ร่วมก่อตั้ง The Future Laboratory บริษัทที่ปรึกษาที่มีความชำนาญด้านการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคในอนาคตสำหรับธุรกิจต่างๆ รวมถึงธุรกิจอาหารด้วย โดยคุณ Chris Sanderson ได้ร่วมแบ่งปันเทรนด์ของอาหารที่น่าสนใจและต้องจับตามองในอนาคต คือ
เทรนด์อาหารประเภท “Healthy & Sustainability” หรือเทรนด์อาหารดีต่อสุขภาพและความยั่งยืน เพื่อให้ผู้ร่วมงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำแนวทางนี้ไปปรับใช้ได้อีกด้วย

สัมมนาออนไลน์ หัวข้อ “ระบบเพิ่มประสิทธิภาพในการชั่งรถบรรทุก เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสเชื้อ COVID-19”

ในวันที่ 27 เมษายน 2564 ที่ผ่าน บริษัท เมทเล่อร์-โทเลโด (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการจัดสัมมนาออนไลน์ขึ้นใน หัวข้อ “ระบบเพิ่มประสิทธิภาพในการชั่งรถบรรทุก เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสเชื้อ COVID-19” ซึ่งเนื้อหาสัมมนาครั้งนี้เหมาะอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึง กลุ่มอาชีพวิศวกรและซ่อมบำรุง กลุ่มเทคโนโลยีและสารสนเทศ (IT) การจัดการผลิต ระบบขนส่งและการออกแบบสินค้าคงคลัง โดยวัตถุประสงค์หลักของงานสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อให้ทุกโรงงานที่มีการใช้งานเครื่องชั่งรถบรรทุกได้เข้าใจถึงหลักการใช้งานและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะมาช่วยให้ทุกโรงงานสามารถทำงานในจุดชั่งน้ำหนักรถบรรทุกได้ง่ายขึ้น สะดวกรวดเร็วขึ้น และที่สำคัญคือปลอดภัยมากขึ้น โดยสัมมนาดังกล่าวได้เชิญทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญและชำนาญทางด้านเครื่องชั่งรถบรรทุกที่มีประสบการณ์มากกว่า 9 ปี มาเป็นผู้บรรยายและตอบข้อซักถามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้เรายังมีกิจกรรมตอบคำถามชิงรางวัลภายในสัมมนาครั้งนี้อีกด้วย หากท่านสนใจกิจกรรมต่าง ๆ จากทางบริษัทฯ ท่านสามารถติดตามข่าวสารการจัดสัมมนาออนไลน์ (Live Webinar) ของเมทเล่อร์ฯ ได้ทั้งทาง Line Official, ww.mt.com, และทุกช่องทางของ Food Focus Thailand Continue reading “สัมมนาออนไลน์ หัวข้อ “ระบบเพิ่มประสิทธิภาพในการชั่งรถบรรทุก เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสเชื้อ COVID-19””

80 แบรนด์ดังไทยเฉิดฉายคว้า 2021 Superior Taste Award สุดยอดรางวัลการันตีความอร่อยจาก International Taste Institute


International Taste Institute ประกาศผลรางวัล 2021 Superior Taste Award ตัดสินโดยเชฟและซอมเมอลิเยร์ชื่อดังการันตีความอร่อยมอบรางวัลให้แก่สินค้า 2,218 รายการ โดยมีกว่า 80 แบรนด์ชั้นนำในกลุ่มกาแฟ น้ำผลไม้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากประเทศไทยที่ไปคว้ารางวัลใหญ่บนเวทีระดับโลก

บรัสเซลส์,7 มิถุนายน 2564 ไม่เสียชื่อที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ครัวของโลก’ เพราะมีหลายแบรนด์สินค้าชั้นนำจากประเทศไทยที่ไปคว้าสุดยอดรางวัลการันตีความอร่อยบนเวทีระดับโลก หลัง International Taste Institute ได้ประกาศผลรางวัล 2021 Superior Taste Award ที่ตัดสินโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ เชฟและซอมเมอลิเยร์ชื่อดัง ซึ่งปีนี้มีคณะกรรมการหน้าใหม่ร่วมตัดสิน อาทิ Pino Lavarra Executive Chef The Luxury Collection ดีกรีระดับ Michelin, Antoine Lehebel Head Sommelier Bon Bon ดีกรีระดับ Michelin, Surjan Singh Jolly Judge Master Chef India, Tom Smet Head Sommelier Castor ระดับ Michelin มอบรางวัลให้แก่สินค้าจำนวน 2,218 รายการ

ด้าน Alan Coxon ประธานฝั่งคณะกรรมการเชฟของ International Taste Institute กล่าวว่า “สินค้าที่เราได้ชิมในปีนี้มีคุณภาพโดยรวมที่ดีมาก เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นว่าอุตสาหกรรมนี้กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากขึ้นโดยยังคงให้ความสำคัญกับรสชาติอยู่เสมอ”

ขณะที่ Eric de Spoelberch, CEO ของ International Taste Institute กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะไม่ปกติ แต่เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถเชิญเชฟและซอมเมอลิเยร์ระดับนานาชาติ ให้มาร่วมเป็นกรรมการประเมินผลในปี 2564 ได้สำเร็จ โดยที่เรามีการรักษามาตรการด้านสุขอนามัยอย่างเข้มงวด”

สำหรับสินค้าจากประเทศไทยที่ไปคว้ารางวัล มีทั้งในกลุ่มเครื่องปรุงรส อาหารว่างอาหารพร้อมรับประทาน ตลอดจนเครื่องดื่ม ได้แก่ กาแฟ น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากบริษัทต่างๆ อาทิ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของเมืองไทย, บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกอาหารและเครื่องปรุงรสชั้นนำ, บริษัท อาจจิตต์อินเตอร์เนชั่นเนล เพ็พเพอร์แอนด์สไปซ์ จำกัด, เจ้าของแบรนด์ “ง่วนสูน พริกไทยตรามือที่ 1”, บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ “ชาวเกาะ” และ ”แม่พลอย”

ส่วนสินค้าเครื่องดื่มที่ได้รับรางวัล ได้แก่ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ชบาบางกอก จำกัด เป็นต้น โดยปีนี้บริษัทจากประเทศไทยคว้ารางวัลรวมทั้งสิ้นกว่า 80 รายการสามารถตรวจสอบรายชื่อสินค้าที่ได้รับรางวัลทั้งหมดที่ www.taste-institute.com