Page 30 - 146
P. 30

SCIENCE & NUTRITION


                                                                     กรดไขมันทรานส์ (Trans  fatty acids; TFA) เป็น

                                                                     กรดไขมันที่พบได้ทั้งในธรรมชาติและจากกระบวนการ
                                                                     ผลิตในอุตสาหกรรม  ไขมันทรานส์จากธรรมชาติ
                                                                     พบในผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์เคี้ยวเอื้องหรือสัตว์

                                                                     สี่กระเพาะ  เช่น  นม  เนื้อสัตว์  (โดยเฉพาะเนื้อสัตว์
                                                                     ติดมัน) ซึ่งพบได้ในปริมาณที่ไม่สูงนัก ส่วนที่พบมาก
                                                                     ได้แก่  ไขมันทรานส์ที่ได้จากกระบวนการผลิตใน
                                                                     อุตสาหกรรมที่มีการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially
                                                                     Hydrogenated  Oils;  PHOs)  ลงไปในโมเลกุลของ

                                                                     ไขมันพืช  ซึ่งกรดไขมันทรานส์ที่มาจากอาหารกลุ่มนี้
                                                                     มีส่วนในการก่อผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเป็นสาเหตุ
                                                                     ที่ท�าให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด



                                                                                                สถาบันโภชนาการ
                                                                                                มหาวิทยาลัยหิดล
                                                                                                Institute of Nutrition
                                                                                                Mahidol University
      ประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์






         สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยศาสตราจารย์ ดร.วิสิฐ จะวะสิต   Organization; WHO) แนะน�าให้บริโภคไขมันทรานส์ได้ไม่เกิน
      อาจารย์ประจ�าสถาบันโภชนาการ ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยเรื่องประเทศไทย  ร้อยละ 1 ของพลังงานที่ได้รับทั้งหมด คิดเป็นไขมันทรานส์ไม่เกิน 2.2 กรัม
      ปลอดไขมันทรานส์และคณะ พบว่ามีไขมันทรานส์ปนเปื้อนในอาหารและ               ต่อวัน หรือ ไม่เกิน 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค”
      ส่วนประกอบบางชนิดที่ผลิตและน�าเข้าในประเทศไทย ซึ่งจากการสุ่มตัวอย่าง  นอกจากนี้ นางสาวมยุรี ดิษย์เมธาโรจน์ ส�านักงานคณะกรรมการ
      อาหารและผลิตภัณฑ์อาหารจ�านวน 162 ตัวอย่าง พบว่าอาหารที่มีการปนเปื้อน  อาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า “เพื่อเป็นการคุ้มครอง
      ไขมันทรานส์เป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ 1) มาการีน พบว่ามีปริมาณไขมันทรานส์   ผู้บริโภค ส�านักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงได้จัดท�าร่างประกาศ
      0.08-15.32 กรัมต่อ 100 กรัม 2) โดนัททอด 0.02-5.14 กรัมต่อ 100 กรัม 3) พาย   กระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่อง ก�าหนดอาหารที่ห้ามผลิต น�าเข้า หรือ
      0.03-4.39 กรัมต่อ 100 กรัม 4) พัฟและเพสตรี 0.01-2.46 กรัมต่อ 100 กรัม 5)   จ�าหน่าย ก�าหนดให้น�้ามันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน หรือ
      เวเฟอร์ช็อกโกแลต 0.06-6.24 กรัมต่อ 100 กรัม เป็นต้น ทั้งนี้ การบริโภคอาหาร  อาหารที่มีน�้ามันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วน-
      ที่มีไขมันทรานส์ปนเปื้อนอยู่จะท�าให้เกิดปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อ  ประกอบ เป็นอาหารที่ห้ามผลิต น�าเข้า หรือจ�าหน่าย โดยคาดว่าประกาศ
      การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด                               จะมีผลใช้บังคับประมาณปี 2562 ซึ่งผู้ผลิตและน�าเข้าน�้ามันและไขมัน
         รองศาสตราจารย์ ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ อาจารย์ประจ�าสถาบันโภชนาการ   และผู้ผลิตและผู้น�าเข้าผลิตภัณฑ์อาหาร น่าจะสามารถปรับปรุงสูตร
      มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลว่า “การได้รับไขมันทรานส์แทนที่ไขมันชนิดอื่นๆ   ได้ทัน เพราะปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ทดแทนเทคนิคการเติม
      เพียงร้อยละ 1 ท�าให้ระดับคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL-Cholesterol) เพิ่มขึ้น                   ไฮโดรเจนบางส่วนในน�้ามันแล้ว เช่น การผสมน�้ามัน (Oil-Blending)
      แต่ระดับคอเลสเตอรอลดี (HDL-Cholesterol) ลดลง จึงจัดว่ามีอันตรายต่อ  ซึ่งเป็นวิธีที่ต้นทุนไม่สูง”
      สุขภาพมาก การศึกษาพบว่าการบริโภคไขมันทรานส์แทนที่คาร์โบไฮเดรตเพียง  ปัจจุบันมีข้อมูลทางวิชาการที่ชัดเจนแล้วว่า ไขมันทรานส์เป็นสาเหตุ
      ร้อยละ 2 ของพลังงาน มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงขึ้นถึง  ส�าคัญสาเหตุหนึ่งของโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นโรคหนึ่งในกลุ่ม
      ร้อยละ 23 โดยที่การบริโภคไขมันทรานส์ที่เกิดจากกระบวนการอุตสาหกรรมเพิ่ม  โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs แม้ผลจากการส�ารวจแสดงว่าไขมันทรานส์
      ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงถึงร้อยละ 42 ขณะที่ไม่พบ   มีการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาหารเพียงบางชนิด แต่การผลักดันให้มี
      ความเสี่ยงที่ชัดเจนดังกล่าวในการบริโภคไขมันทรานส์ที่มาจากธรรมชาติ องค์การ-  กฎหมายบังคับก็เป็นมาตรการที่ส�าคัญในการปกป้องผู้บริโภคจาก
      อาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of   ไขมันทรานส์ ทั้งนี้ นอกจากเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของ
      the United Nations; FAO) และองค์การอนามัยโลก (World Health   ประชากรภายในประเทศแล้ว ยังส่งผลดีส�าหรับตลาดการส่งออก
                                                                อีกด้วย
       26 26  FOOD FOCUS THAILAND M
          FOOD FOCUS THAILAND
                         MAY 2018AY 2018
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35