Page 34 - FoodFocusThailand No.169 April 2020
P. 34

STRATEGIC R & D









































             สมุุนไพรและสารพฤกษเคมุี                                   ผลไม้ตระกูลส้ม (Citrus fruit) เช้่น ส้ม มะนาว เป็็นแหล่งที่ดูีของสาร
                อัลฟาลฟา (Alfalfa) Medicago sativa L. ซึ่งพบว่าในอัลฟาลฟามีสาร  4ไมโครนิวเทรียันท์ เช้่น โพแทสเซียัม แมกนีเซียัม วิต่ามินซี กรดูโฟลิก
             1ไอพริฟลาโวน (Ipriflavone) ซึ่งเป็็นอนุพันธ์์ของไอโซฟลาโวน มีบทบาท     และสารอื่นๆ เช้่น ลิโมนอยัดู์ (Limonoids) และฟลาโวนอยัดู์ (Flavonoid)
             ในการยัับยัั�งการสลายัของกระดููก และส่งเสริมการทำางานของเอสโทรเจน                มีการศึึกษาที่พบว่าลิโมนอยัดู์และฟลาโวนอยัดู์มีป็ฏิิกิริยัาต่้านอนุมูลอิสระ
             ไอพริฟลาโวนเป็็นไฟโทเอสโทรเจนที่มีในอัลฟาลฟา และมีรายังานว่ามีบทบาท   และมีความสามารถูในการป็รับป็รุงสุขภาพกระดููก ภาวะเครียัดูออกซิเดูช้ัน
             ต่่อป็ฏิิกิริยัาการเสริมสร้างกระดููก โดูยัมีการศึึกษาในหนูต่ัวผูู้้ที่ถููกเร่งให้เกิดู   (Oxidative stress) เป็็นป็ัจจัยัที่สำาคัญ้ของกระบวนการแก่ (Aging process)
             กระดููกพรุนโดูยัใช้้ยัาเพรดูนิโซโลน (Prednisolone) และนำาหนูกลุ่มนี�มาให้    ซึ่งมีส่วนต่่อการเกิดูภาวะกระดููกพรุน การบริโภคผู้ลไม้ต่ระกูลส้มช้่วยัป็รับป็รุง
             ไอพริฟลาโวนทางป็ากเป็็นเวลา 12 สัป็ดูาห์ พบว่าหลังจากเวลานี�แล้ว หนูเหล่านี�   สุขภาพกระดููกและป็้องกันภาวะเครียัดูออกซิเดูช้ัน ป็้องกันกระดููกพรุน โดูยั
             มีมวลกระดููกที่กระดููกต่้นขาเพิ่มขึ�นต่ามป็ริมาณไอพริฟลาโวนที่ให้    มีการศึึกษาที่พบว่าการให้เฮสเพอริดูีน (Hesperidin) ซึ่งเป็็นฟลาโวนอยัดู์จาก
                บานไม่รู้โรยฝรั่ง (Red clover) สารสกัดูจากบานไม่รู้โรยัฝรั่งมีไอโซ-   ผู้ลไม้ต่ระกูลส้มป็้องกันการสูญ้เสียัมวลกระดููกในหนูทดูลองไดู้
             2ฟลาโวนที่ความเข้มข้นสูง เช้่น Genistein Daidzein Biochanin A และ   หัวหอม เป็็นพืช้ที่มีฟลาโวนอยัดู์ เช้่น เควอร์ซิทิน รูทิน (Rutin) เป็็น
             Formononetin ซึ่งใช้้ในการบำาบัดูอาการหลังจากหมดูป็ระจำาเดูือน โดูยัเฉพาะ  5จำานวนมาก ซึ่งมีกำามะถูันเป็็นองค์ป็ระกอบหลักและมีป็ฏิิกิริยัาในการ-
             Genistein และ Daidzein เป็็นไฟโทเอสโทรเจนที่ใช้้รักษาการสลายัของกระดููก   ต่้านอนุมูลอิสระที่แข็งแรง มีการศึึกษาทางพรีคลินิกที่พบว่าหัวหอมยัับยัั�ง
             หลังหมดูป็ระจำาเดูือน เนื่องจากมีโครงสร้างคล้ายัฮอร์โมนเอสโทรเจน มีรายังาน   การสลายัของกระดููกและรักษามวลกระดููกให้อยัู่ในภาวะป็กต่ิ และมีรายังาน
             การรักษาที่เป็รียับเทียับกับการใช้้ Genistein กับการบำาบัดูดู้วยัการใช้้ฮอร์โมน  เช้่นเดูียัวกันว่าเมื่อวิเคราะห์ผู้ลเลือดูของผูู้้ที่ไดู้รับนำ�าหัวหอม (Onion juice)
             โดูยัต่รง พบว่าหลังจาก 12 สัป็ดูาห์ ทั�ง 2 วิธ์ีนี�สามารถูเพิ่มความหนาแน่น   วันละ 100 มล. เป็็นเวลา 8 สัป็ดูาห์ เป็รียับเทียับกับผูู้้ที่ไดู้รับยัาหลอก พบว่า
             ของกระดููกไดู้ ซึ่งแสดูงว่าไฟโทเอสโทรเจนสามารถูลดูการสลายักระดููกไดู้            ผูู้้ที่ไดู้รับนำ�าหัวหอมมีระดูับอนุมูลอิสระ เอนไซม์ฟอสฟาเทส และความสามารถู
             โดูยัไม่มีผู้ลข้างเคียังใดูๆ เมื่อเป็รียับเทียับกับการรักษาที่ให้ฮอร์โมนโดูยัต่รง  ต่้านอนุมูลอิสระเป็ลี่ยันไป็ และพบว่าความแน่นของมวลกระดููกของผูู้้หญ้ิง
                หญ้าหางม้า (Horsetail) ไดู้ถููกใช้้เป็็นสมุนไพรในการรักษาโรคกระดููกพรุน   หลังหมดูป็ระจำาเดูือน 3 คน ดูีขึ�นหลังบริโภคนำ�าหัวหอม
             3เนื่องจากมีสารพฤกษเคมีที่มีป็ระโยัช้น์ต่่อสุขภาพกระดููก หญ้้าหางม้ามี        ชาเขียว ช้าเขียัวทำาจากการเก็บใบช้า Camellia sinensis มาต่ากแห้ง
             ซิลิกาเป็็นจำานวนมากซึ่งสำาคัญ้ต่่อการสร้างแคลเซียัมที่กระดููกและต่่อการสร้าง  6ที่อุณหภูมิสูง เพื่อยัับยัั�งป็ฏิิกิริยัาออกซิเดูช้ันของเอนไซม์ ช้าเขียัวมีสาร-
             คอลลาเจน นอกจากนี�ยัังมีฟลาโวนอยัดู์ เช้่น เควอร์ซิทิน (Quercetin)   ป็ระกอบฟินอลิกในกลุ่มแคทีช้ิน (Catechin) เช้่น Epigallocatechin
             แคมพ์เฟอรอล (Kaempferol) ลูทอีโอลิน (Luteolin) และอะพิจีนิน (Apigenin)   -3-gallate ที่พบว่าสามารถูลดูการสลายักระดููก โดูยัทำาให้เซลล์กระดููกที่
             ซึ่งสารพฤกษเคมีเหล่านี�มีผู้ลต่่อการป็กป็้องการสูญ้เสียักระดููก   ทำาหน้าที่สลายักระดููกต่ายัไป็ และเร่งกระบวนการสร้างกระดููกของเซลล์
                                                                    กระดููกออสต่ิโอบลาสต่์

             34 FOOD FOCUS THAILAND  APR   2020


                                                                                                                     19/3/2563 BE   18:57
         33-39_Strategic R&D_����.indd   34
         33-39_Strategic R&D_����.indd   34                                                                          19/3/2563 BE   18:57
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39