Page 40 - FoodFocusThailand No.169 April 2020
P. 40

STRATEGIC R &
            STRATEGIC R & DD

                        เพ็็ญศิิริิ อััศิวศิิริิทริัพ็ย์์
                        Phensiri Asawasirisap
                        Assistant Product Manager
                        DPO (Thailand) Ltd.
                        kun.a@dpointernational.com




















            Healthy Bone &




                                               Joint Health








             ภาวะโรคกระดููกพรุนเป็็นหน่�งในความผิิดูป็กติิของกระดููกดู้านเมทาบอลิิกท่�ความหนาแน่นของเน้�อกระดููกน้อยลิงทำให้กระดููก
             เป็ราะบางแลิะเสี่่�ยงแติกหักติามมา  ในป็ัจจุบันมากกว่า  8.9  ลิ้านคนติ่อป็ีทั�วโลิกม่อาการกระดููกแติกหัก  โดูย  International
             Osteoporosis Foundation ไดู้คาดูการณ์์ว่าจะติรวจพบภาวะกระดููกแติกหักในคนเอเชี่ยเพิ�มข่�นมากกว่าร้อยลิะ 50 ภายในป็ี
             2593



                กระดููกประกอบไปดู้วยส่่วนที่่�เป็นส่ารอนินที่ร่ย์ ไดู้แก่ แคลเซี่ยม   เพื่ื�อกระดููกที่่�แข็็งแรง…เร่�มดููแลุ่กระดููกข็องเราตั้้�งแตั้�วั้นน่�
             แมกน่เซี่ยม และฟอส่เฟต รวมถึึงส่ารอินที่ร่ย์ ไดู้แก่ คอลลาเจน และนำ�า ส่าเหตุ   ร่างกายข้องเราเริ�มเก็บส่ะส่มมวลกระดููกตั�งแต่แรกเกิดู โดูยระดูับความ-
             หลักที่่�เป็นเส่มือนตัวเร่งให้เข้้าสู่่ภาวะโรคกระดููกพรุน คือ การที่่�ร่างกายไดู้รับ  หนาแน่นกระดููกมากที่่�สุ่ดูจะพบไดู้ในช่วงอายุ 20-30 ปี เมื�อเลยช่วงวัย
             แคลเซี่ยมจากอาหารไม่เพ่ยงพอ และร่างกายดููดูซีึมแคลเซี่ยมเหล่านั�น                 ดูังกล่าวกระบวนการส่ลายข้องกระดููกในร่างกายจะส่่งผลให้มวลกระดููก
             ไดู้ไม่ดู่พอ                                           ลดูน้อยลง ดูังนั�น จึงเป็นเรื�องที่่�ส่ำาคัญิมากหากเราส่ามารถึเอื�อให้ร่างกาย
                                                                    เก็บส่ะส่มมวลกระดููกไดู้มากที่่�สุ่ดูในช่วงวัยแรกเกิดูจนถึึงวัยรุ่น เพื�อที่่�จะ
             ใครคือกลุ่่�มเสี่่�ยง?                                 ชะลอการสู่ญิเส่่ยมวลกระดููกในภายหลัง
             ภาวะโรคกระดููกพรุนส่่งผลกระที่บต่อสุ่ข้ภาวะในระยะยาวตลอดูอายุข้ัย   แคลเซี่ยม  เป็นหนึ�งในแร่ธาตุส่ำาคัญิในกระบวนการส่ร้างกระดููกให้
                                                                              1
             โดูยข้้อมูลจากงานวิจัยต่างๆ ส่ะที่้อนให้เห็นว่าภาวะกระดููกแตกหักจาก             แข้็งแรง เก่�ยวข้้องที่ั�งในกระบวนการส่ร้างและรักษาโครงส่ร้างภายในข้อง
             โรคกระดููกพรุนจะพบไดู้มากข้ึ�นในกลุ่มผู้หญิิงอายุมากกว่า 55 ปีข้ึ�นไป   กระดููก ไปจนถึึงการให้ความแข้็งแรงกับโครงกระดููกที่ั�วที่ั�งร่างกาย ร่างกาย
             และกลุ่มผู้ชายอายุมากกว่า 65 ปีข้ึ�นไป (Compston et al., 2019).   ส่ามารถึดููดูซีึมแคลเซี่ยมไดู้เฉล่�ยร้อยละ 30 จากอาหารที่่�เรารับประที่าน
             อ้างอิงรายงานจาก International Osteoporosis Foundation ในปี 2560   เที่่านั�น โดูยการดููดูซีึมส่่วนใหญิ่จะเกิดูข้ึ�นในบริเวณลำาไส่้เล็ก (Beto, 2015)
             พบว่า 1 ใน 3 ข้องผู้หญิิงและ 1 ใน 5 ข้องผู้ชายอายุมากกว่า 50 ปีข้ึ�นไป   ที่่�เหลือจะถึูกลำาเล่ยงไปสู่่ลำาไส่้ใหญิ่ และดููดูซีึมภายในลำาไส่้ใหญิ่เพ่ยง
             ม่ความเส่่�ยงตรวจพบ ภาวะกระดููกแตกหักจากโรคกระดููกพรุนในช่วงอายุข้ัย   ร้อยละ 10 (Warzecha & Czerwiński, 2016).
                ถึึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์์จากนมจะจัดูเป็นแหล่งข้องแคลเซี่ยมที่่�ดู่ อย่างไร-   รายงานผลการศึกษาในมนุษย์หลายฉบับแส่ดูงให้เห็นถึึงความส่ัมพันธ์
             ก็ตาม การเข้้าถึึงผลิตภัณฑ์์อาหารที่่�ม่การเส่ริมแคลเซี่ยมและปราศจาก   ข้องการรับประที่านอาหารที่่�ม่ใยอาหารธรรมชาติจากรากข้องต้นชิคอร่กับ
             นำ�าตาลแลกโตส่ก็ยังอยู่ในวงจำากัดู ส่่งผลให้ผู้บริโภคที่่�ม่อาการแพ้นำ�าตาล         การเพิ�มความส่ามารถึในการดููดูซีึมแคลเซี่ยมข้องร่างกาย ซีึ�งเป็นผล
             แลกโตส่เป็นกลุ่มเส่่�ยงข้องภาวะโรคกระดููกพรุน
                                                                    ส่ืบเนื�องจากการที่่�ร่างกายผลิตกรดูไข้มันส่ายส่ั�นระหว่างข้ั�นตอนการหมัก

             40 FOOD FOCUS THAILAND  APR   2020


                                                                                                                     19/3/2563 BE   18:59
         40-41_Strategic R&D_DPO.indd   40                                                                           19/3/2563 BE   18:59
         40-41_Strategic R&D_DPO.indd   40
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45