Food FocusThailand
OCTOBER 2015
26
ในปี
2558 ในเขตภาคใต้
ของเวี
ยดนามจะอยู
่
ที่
ประมาณ 3,900-4,000
เหรี
ยญสหรั
ฐ และจะเพิ่
มเป็
น 5,000 เหรี
ยญสหรั
ฐ ในปี
2563 ภายใต้
แผน
พั
ฒนานี้
เวี
ยดนามได้
ตั
้
งเป้
าที่
จะเพิ่
มมู
ลค่
าการส่
งออกเฉลี่
ยต่
อคนในปี
2558
ให้
อยู่
ที่
3,700 เหรี
ยญสหรั
ฐ/คน และเพิ่
มขึ้
นเป็
น 5,400 เหรี
ยญสหรั
ฐ/คน
ทั้
งนี้
คาดว่
าจะท�
ำให้
ประชากรในเขตภาคใต้
ของเวี
ยดนามในปี
2563
เพิ่
มขึ้
นเป็
น 21-22 ล้
านคน และจะสามารถสร้
างงานให้
กั
บแรงงานในพื้
นที่
ได้
อี
กราว 340,000-350,000 คน/ปี
ส่
งผลให้
อั
ตราความยากจนลดลงจาก
ร้
อยละ 4ต่
อปี
เหลื
อเพี
ยงร้
อยละ 2ต่
อปี
ในส่
วนของแผนการพั
ฒนาเขตเศรษฐกิ
จในที่
ราบลุ
่
มแม่
น�้
ำโขงในปี
2563
จะครอบคลุ
มพื้
นที่
นครเกิ่
นเทอ จั
งหวั
ดก่
าเมา จั
งหวั
ดอานซาง และจั
งหวั
ด
เกี
ยนซาง ซึ่
งถื
อเป็
นแหล่
งผลิ
ตสิ
นค้
าทางการเกษตรที่
ส�
ำคั
ญของเวี
ยดนาม
โดยเป้
าหมายการพั
ฒนาจะมุ
่
งเน้
นพั
ฒนาพื้
นที่
ดั
งกล่
าวให้
เป็
นศู
นย์
กลางทาง
ด้
านพลั
งงาน การท่
องเที่
ยว และการผลิ
ตอาหารที่
ส�
ำคั
ญของประเทศ
โดยตั้
งเป้
าอั
ตราการขยายตั
วของGDP ของพื้
นที่
ในปี
2558 ไว้
ที่
ร้
อยละ 11
และในปี
ต่
อๆ ไปเพิ่
มขึ้
น ร้
อยละ 10.5 ขณะเดี
ยวกั
นคาดว่
า GDP เฉลี่
ยต่
อ
ประชากรในปี
2558 ในเขตเศรษฐกิ
จที่
ราบลุ
่
มแม่
น�้
ำโขงจะอยู
่
ที่
2,470
เหรี
ยญสหรั
ฐ และเพิ่
มขึ้
นเป็
น 4,400 เหรี
ยญสหรั
ฐ ในปี
2563 มู
ลค่
า
การส่
งออกในปี
2558 คาดว่
าจะอยู
่
ที่
5.6 พั
นล้
านเหรี
ยญสหรั
ฐ และในปี
2563อยู่
ที่
10.3พั
นล้
านเหรี
ยญสหรั
ฐ
ปรั
บปรุ
งกฎหมายที่
เป็
นอุ
ปสรรคต่
อการลงทุ
น
ปั
จจุ
บั
นเวี
ยดนามได้
ปรั
บปรุ
งนโยบายและกฎระเบี
ยบที่
เกี่
ยวข้
องเพื่
อดึ
งดู
ด
ให้
นั
กลงทุ
นชาวต่
างชาติ
มาลงทุ
นในเวี
ยดนามมากขึ้
น ซึ่
งล่
าสุ
ดได้
อนุ
มั
ติ
ให้
ชาวต่
างชาติ
สามารถถื
อหุ้
นในบริ
ษั
ทในเวี
ยดนามได้
สู
งสุ
ดร้
อยละ 100 จาก
เดิ
มที่
จ�
ำกั
ดอยู่
ที่
ร้
อยละ49 เพื่
อเป็
นการอ�
ำนวยความสะดวกให้
กั
บนั
กลงทุ
น
ตลอดจนให้
สิ
ทธิ
ที่
เท่
าเที
ยมกั
นระหว่
างนั
กลงทุ
นท้
องถิ่
นกั
บนั
กลงทุ
นต่
างชาติ
ซึ่
งถื
อว่
าเป็
นโอกาสส�
ำหรั
บนั
กลงทุ
นชาวต่
างชาติ
ที่
จะใช้
โอกาสนี้
เข้
าไปลงทุ
น
ในเวี
ยดนามให้
มากขึ้
น
ปรั
บปรุ
งโครงสร้
างพื้
นฐานรองรั
บการขยายตั
วทางเศรษฐกิ
จ
ในช่
วง5ปี
ที่
ผ่
านมา เวี
ยดนามได้
ใช้
จ่
ายงบประมาณราว52พั
นล้
านเหรี
ยญสหรั
ฐ
ในการปรั
บปรุ
งสาธารณู
ปโภคพื้
นฐานของประเทศทั้
งถนนสะพานทางรถไฟ
ท่
าเรื
อ และสนามบิ
น เพื่
ออ�
ำนวยความสะดวกทางการค้
าการลงทุ
นให้
กั
บ
นั
กลงทุ
นชาวต่
างชาติ
และรองรั
บการขยายตั
วเศรษฐกิ
จของประเทศ
บทสรุ
ป/ข้
อเสนอแนะ
1. แนวโน้
มเศรษฐกิ
จเวี
ยดนามขยายตั
วอย่
างต่
อเนื่
องจากการเข้
าไป
ลงทุ
นของนั
กลงทุ
นชาวต่
างชาติ
ซึ่
งท�
ำให้
ประชากรมี
งานท�
ำและมี
รายได้
เพิ่
มมากขึ้
น
2. ภาครั
ฐควรส่
งเสริ
มภาคธุ
รกิ
จเข้
าไปลงทุ
นในสาขาก่
อสร้
างการพั
ฒนา
โครงสร้
างพื้
นฐาน อุ
ตสาหกรรมที่
ใช้
แรงงานมาก และโลจิ
สติ
กส์
ตามแนว
Investment Scenario
As of April 20, 2015, Thailandwas ranked 10
th
out of 103 countries
who have invested in Vietnam, with a total of 388 projects worth
USD6.8billion. AmataCorporationexpects to receiveapproval from
theVietnamese government during the third quarter of 2015 for the
company’s project tobuildan industrial zonewitha capitalizationof
overUSD500million. Theplanned industrial zone,which iscurrently
awaiting permits, is strategically important due to its proximity to a
highway, a port, and the areawhereVietnam is planning to build its
largest airport. Potential investment opportunities forThai investors
include in the foodandbeverages industry (suchasprocessedfishery
products), service businesses (health and beauty, education,
restaurants, hotels), the textile and apparel industry, construction,
infrastructuredevelopment, and investments in logisticsand related
businesses along the economic corridors (transport, cold storage,
warehousing, product distribution, etc.).
EconomicZoneDevelopment
Vietnam has announced plans to develop 2 economic zoneswhich
are the special economic zones in the south covering the areas of
Ho Chi Minh City, Binh Phuoc province, Tay Ninh province, Binh
Duongprovince,DongNaiprovince,BaRia-VungTauprovince,Long
An province, and Tien Giang province. Vietnam aims to develop
thesespecial economiczonescoupledwith theexpansionof thecity
itself, inhopes that HoChi MinhCitywill becomeamajor economic
center. For 2015, theGDPgrowth rate has been targeted at 8.0 to
8.5 percent, and at 8.5 to 9.0 percent for the years 2016 to 2020 to
support economic growth along the East–West Economic Corridor
(Ho Chi Minh – Phnom Penh – Sihanoukville [Cambodia’s main
seaport and industrial city] – Bangkok – Kanchanaburi – Dawer –
Chennai [India]). ThisEconomicCorridor will benefit bothThailand
andVietnamas intermediaries linking the largeeconomiesof Japan,
China, and India. Meanwhile, it is estimated that in 2020 the
construction industry will grow at 95–96 percent of GDP and the
services industrysectorwillgrowat44percentofGDP. It isexpected
that average GDP per capita in 2015 in southern Vietnam will be
about USD3,900–4,000 and will rise to USD5,000 in 2020. Under
this development plan, Vietnam has set a target to increase the
averageexport valueperpersonwhich in2015 isUSD3,700 /person
toUSD5,400 / person. It is expected that thepopulation in southern
Vietnam in 2020 will increase to 21–22million people, and around
340,000–350,000 jobs will be created per year for workers in this
area; as a result, the poverty ratewill fall from 4 percent per year to
just 2 percent per year.
In termsof theeconomicdevelopmentplans for theMekongRiver
basin in 2020, thesewill cover Can ThoCity, CaMau province, An
Giang province, andKienGiang province, which aremajor sources
ofagriculturalproducts inVietnam. Thedevelopmentgoalswill focus
ondeveloping thoseareas tobe importantcentersofenergy, tourism,
and food production. This region’s targetedGDPgrowth rate is set
at11percent in2015andwill increaseby10.5percent in the following
year. At the same time, theexpectedGDPper capita in2015 in the
Mekong River basin economic zone will be at USD2,470 USD and
increase to USD4,400 in 2020. The value of exports in 2015 is
expected tobeatUSD5.6billion,and in2020 tobeatUSD10.3billion.
RevisingLaws that Hinder Investment
Atpresent,Vietnam is revamping its relevantpoliciesand regulations
toattractmore foreign investment inVietnam. Most recently,approval
has been given for foreigners to hold 100 percent of a Vietnamese
company’s equity, up from the previous limit of 49 percent. This not
only facilitates investing, but it also provides equal rights between
local investorsand foreign investors.This isanopportunity for foreign
investors to invest more inVietnam.