SCIENCE &
NUTRITION
33
JUL 2017 FOOD FOCUSTHAILAND
โรคเบาหวานแบ่
งออกเป็
น 2ชนิ
ดคื
อชนิ
ดที่
1และชนิ
ดที่
2 โรคเบาหวาน
ชนิ
ดที
่
1 จะเกี่
ยวข้
องกั
บเซลล์
ไอส์
เลตถู
กท�
ำลายโดยระบบภู
มิ
คุ
้
มกั
นของ
ร่
างกาย ท�
ำให้
ตั
บอ่
อนไม่
สามารถผลิ
ตฮอร์
โมนอิ
นซู
ลิ
นได้
ขณะที่
โรคเบาหวาน
ชนิ
ดที่
2ร่
างกายยั
งคงผลิ
ตฮอร์
โมนอิ
นซู
ลิ
นได้
ตามปกติ
เพี
ยงแต่
ไม่
สามารถ
ท�
ำงานได้
อย่
างมี
ประสิ
ทธิ
ภาพเนื่
องจากเกิ
ดภาวะดื้
อต่
ออิ
นซู
ลิ
น
โรคเบาหวานสามารถป้
องกั
นได้
โดยการชะลอการดู
ดซึ
มของน�้
ำตาล
รี
ดิ
วซ์
ของร่
างกาย ผ่
านการยั
บยั้
งการท�
ำงานของเอนไซม์
แอลฟา-อะไมเลส
และเอนไซม์
แอลฟา-กลู
โคซิ
เดส ซึ่
งเป็
นเอนไซม์
หลั
กของการย่
อย
คาร์
โบไฮเดรตเป็
นน�้
ำตาล เอนไซม์
ทั้
งสองนี้
มี
หน้
าที่
ย่
อยสลายพั
นธะ
แอลฟา-1-4-ไกลโคซิ
ดิ
กของพอลิ
แซคคาไรด์
(แป้
ง)ให้
มี
โมเลกุ
ลเล็
กลงก่
อน
ดู
ดซึ
มเข้
าผนั
งเซลล์
ของล�
ำไส้
เล็
ก ดั
งนั้
น การยั
บยั้
งการท�
ำงานของเอนไซม์
แอลฟา-อะไมเลสและเอนไซม์
แอลฟา-กลู
โคซิ
เดสจึ
งสามารถชะลอการย่
อย
คาร์
โบไฮเดรตและการดู
ดซึ
มกลู
โคสได้
สารยั
บยั้
งเอนไซม์
แอลฟา-อะไมเลส
และเอนไซม์
แอลฟา-กลู
โคซิ
เดสสามารถรั
กษาภาวะน�้
ำตาลในเลื
อดสู
งหรื
อ
เบาหวานได้
โดยการชะลอการย่
อยคาร์
โบไฮเดรตและการดู
ดซึ
มกลู
โคส
ซึ่
งวิ
ธี
รั
กษาคื
อ การได้
รั
บยาในปริ
มาณที่
เหมาะสม แต่
การใช้
ยารั
กษาเหล่
านั้
น
มี
ค่
าใช้
จ่
ายที่
ค่
อนข้
างสู
ง อี
กทั้
งก่
อให้
เกิ
ดผลข้
างเคี
ยงที่
ไม่
พึ
งประสงค์
และ
การตอบสนองต่
อยาของแต่
ละคนล้
วนแตกต่
างกั
นไป ดั
งนั้
น ผลิ
ตภั
ณฑ์
ธรรมชาติ
จากอาหารและสารออกฤทธิ์
ทางชี
วภาพที่
มี
คุ
ณสมบั
ติ
ในการต้
าน
โรคเบาหวานจึ
งเป็
นที่
น่
าสนใจในเชิ
งของการป้
องกั
นมากกว่
าการรั
กษาโรค
สารออกฤทธิ์
ทางชี
วภาพในพื
ชส่
วนใหญ่
คื
อ สารฟี
นอล ประกอบด้
วย
กรดฟี
โนลิ
กฟลาโวนอยด์
สตี
ลบี
น คู
มาริ
น ลิ
กแนน และแทนนิ
น ความหลากหลาย
ของสารฟี
โนลิ
กทั้
งในเรื่
องของความคงตั
ว ชี
วปริ
มาณการออกฤทธิ์
และ
บทบาทเชิ
งกายภาพล้
วนเกี่
ยวข้
องกั
บสุ
ขภาพของมนุ
ษย์
การศึ
กษาก่
อนหน้
า
พบว่
า ปริ
มาณและประเภทของสารฟี
โนลิ
กมี
ความสั
มพั
นธ์
กั
บการยั
บยั้
งการ-
ท�
ำงานของเอนไซม์
หลั
กของการควบคุ
มโรคเบาหวาน
[1]
ผลไม้
ละติ
นอเมริ
กา
เช่
น ผลอาซาอี
(
Euterpe oleracea
L.) มากี้
เบอรี่
(
Aristotelia chilensis
L.)
กู
สเบอร์
รี่
(
Physalis peruviana
L.) และมะละกอ (
Caricapapaya
L.) อี
กทั้
ง
สมุ
นไพรท้
องถิ่
นแถบออสเตรเลี
ย เช่
น เที
ยนสั
ตตบุ
ษย์
(
Syzygium anisatum
)
มะนาว (
Backhousia citriodora
) และพริ
กไทย (
Tasmannia lanceolata
R.)
เป็
นแหล่
งที่
ส�
ำคั
ญของสารออกฤทธิ์
ชี
วภาพหลายชนิ
ดที่
มี
คุ
ณสมบั
ติ
ต้
าน
โรคเบาหวาน
[2]
จากการศึ
กษาก่
อนหน้
านี้
พบว่
า สารออกฤทธิ์
ทางชี
วภาพที่
มี
คุ
ณสมบั
ติ
ในการต้
านเอนไซม์
แอลฟา-อะไมเลส และเอนไซม์
แอลฟา-กลู
โคซิ
เดส
ส่
วนใหญ่
คื
อ กรดฟี
โนลิ
ก และฟลาโวนอยด์
ซึ่
งฟลาโวนอยด์
มี
คุ
ณสมบั
ติ
ในการต้
านโรคเบาหวานได้
ดี
กว่
ากรดฟี
โนลิ
ก
[3-4]
ณั
ฐณิ
ชา พรหมยศ
NatnichaPromyos
M.Sc. Student inFood andNutritional ToxicologyProgram
Instituteof Nutrition, Mahidol University
ดร.อุ
ทั
ยวรรณ สุ
ทธิ
ศั
นสนี
ย์
UthaiwanSuttisansanee, Ph.D.
Lecturer/Researcher
Instituteof Nutrition, Mahidol University
สารฟลาโวนอยด์
กั
บการต้
านโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานคื
อหนึ่
งในโรคเรื้
อรั
งที
่
ร่
างกายไม่
สามารถผลิ
ตฮอร์
โมนอิ
นซู
ลิ
น
ได้
เพี
ยงพอต่
อความต้
องการ หรื
อไม่
สามารถตอบสนองต่
อฮอร์
โมนอิ
นซู
ลิ
น
ที่
ถู
กสร้
างออกมาได้
โรคเบาหวานจึ
งจั
ดเป็
นภั
ยคุ
กคามสุ
ขภาพของประชาชน
เพราะเป็
นสาเหตุ
ของการเกิ
ดโรคแทรกซ้
อนเรื้
อรั
งอื่
นๆ ตามมา อั
นท�
ำให้
มี
อั
ตรา
การป่
วยและการตายที่
สู
งขึ้
น
ฟลาโวนอยด์
เป็
นสาร-
ธรรมชาติ
ที่
ถู
กพบมากใน
ทุ
กส่
วนของพื
ช โดยเฉพาะ
บริ
เ วณที่
ใช ้
ในการ -
สั
งเคราะห์
แสงของพื
ช มี
ฟลาโวนอยด์
มากกว่
า5,000
ชนิ
ดที่
พบในธรรมชาติ
ประกอบด้
วยแอนโธไซยานิ
น
ฟลาวานอล ฟลาโวน
ฟลาวาโนนฟลาโวนอลและ
ไอโซฟลาโวน โดยฟลาโวน