- page 57

STRATEGIC
R & D
57
SEP 2016 FOOD FOCUSTHAILAND
plantcanalsobe found in rubber treeplantation in thesouthof
Thailand.Thebiological functionofcurculinmaybeattracting
fruit eaters and help to disseminate the seeds. Curculin can
be found inwhole fruit with thehighest intensity at thebasal
portion
[2]
. The content of curculin is increasedgraduallyand
reaches the highest production at 10weeks after flowering,
then theprotein remainsatconstant level foranother4weeks
before degrading
[3]
. The concentration of curculin can be
detected as high as 1-3mg from thewhole fruit or 1.3mg/g
of pulp, suggesting that thisprotein isamajority in the fruit
[2]
.
Afterconsumptionof the fruit, thesweet tastewoulddisappear
aftera fewminutes.After that thesweet tastecanbe induced
again by water or acidic foods. Purified curculin is 35,000
and 430 times sweeter than sucrose based on molar and
weight basis, respectively
[4]
. The sweet taste of curculin is
concentration-dependentand issaturatedat theconcentration
of 10µM, which is equivalent to0.35M sucrose
[4]
.
Similarly, the sweet-inducing activity of curculin is also
concentration-dependence, inwhich the sweetness induced
by 0.02 M citric acid or water is equivalent to 0.35 M sucrose
[4]
.
The sweetness induced by acid is more intense and last
longer than the one induced by water. Other acids such as
ascorbic acid, acetic acid, sulphuric acid, phosphoric acid
and hydrochloric acid can also induce sweet taste from curculin
[4]
.
Interestingly, some acids can induce sweetness higher than
theothersunder the samepH condition, suggesting that not
only pHbut acid strengthand ionizationalsoplay significant
roles in the sweet-inducing property
[4]
. The sweet-inducing
activity of curculin is a reversible process such that the
switching between the sweet taste under acidic condition
and non-sweetness under neutral pH can occur. Not only
water and acids can induced sweetness of curculin, other
chemicals includingammonium chloride (100mMat pH6.3)
andcertainaminoacid (Ser,ThrandCys)canbringout intense
sweetness of curculin
[5]
. Undissociated weak acid such as
ammonium acetate at concentration higher than 60 mM
can also function as a proton donor that induces sweetness
of curculin
[5]
. Interestingly, the presence of divalent metal
completelysuppressed thesweet-inducingactivityofcurculin
by water, while the one induced by acid remains its sweetness
[4]
.
This sweet-quenching reaction by metal is ionic strength-
dependent such that the decrease in sweetness induced by
CaCl
2
is stronger than that by NaCl, which has no effect on
water-inductedsweetness.Overall, theseexternal factors that
affect sweetness level shouldbe taken intoconsideration for
future food product development from curculin.
มิ
ราคู
ลิ
น (Miraculin) ในแง่
ของการเป็
นทางเลื
อกแทนสารให้
ความหวานสั
งเคราะห์
โปรตี
เหล่
านี้
ให้
ความหวานมากกว่
าน�้
ำตาลทรายหรื
อน�้
ำตาลซู
โครส (Sucrose) มากถึ
ง 100-3,000
เท่
า เมื่
อเที
ยบน�้
ำหนั
กที่
เท่
ากั
น การใช้
โปรตี
นที่
มี
รสหวานมี
ข้
อดี
กว่
าการใช้
สารให้
ความหวาน
สั
งเคราะห์
หลายประการ เนื่
องจากเป็
นผลิ
ตภั
ณฑ์
จากธรรมชาติ
ไม่
ก่
อมะเร็
ง และแสดง
ความหวานได้
อย่
างมี
ประสิ
ทธิ
ภาพทั้
งที่
ใช้
ปริ
มาณน้
อย (Effective low dose) จึ
งให้
พลั
งงาน
ต�่
ำ โปรตี
นหวานเหล่
านี้
ได้
แก่
ทอมาติ
น โมเนลลิ
น บลาซซี
น เพนตาดิ
น มาบิ
นลิ
น และ
ไลโซไซม์
จากไข่
ส่
วนโปรตี
นปรั
บเปลี่
ยนความหวาน (Sweet-modifying protein) ได้
แก่
มิ
ราคู
ลิ
นและน่
าสนใจเป็
นอย่
างยิ่
งว่
า เคอร์
คู
ลิ
นสามารถแสดงสมบั
ติ
เป็
นทั้
งโปรตี
นหวานและ
โปรตี
นปรั
บเปลี่
ยนความหวาน กล่
าวคื
อ โปรตี
นชนิ
ดนี้
มี
ความหวานในตั
วเองและยั
งสามารถ
เปลี่
ยนรสเปรี้
ยวให้
เป็
นรสหวานได้
อี
กด้
วยตั
วอย่
างเช่
นถ้
ากิ
นผลต้
นมหั
ศจรรย์
(Miracle fruit)
ซึ่
งมี
มิ
ราคู
ลิ
นแล้
วตามด้
วยอาหารที่
มี
รสเปรี้
ยว เช่
น เลมอนจะรู้
สึ
กว่
ามะนาวมี
รสหวาน
เคอร์
คู
ลิ
นมี
สมบั
ติ
เป็
นทั้
งโปรตี
นหวานและโปรตี
นที่
เหนี่
ยวน�
ำให้
เกิ
ดรสหวาน สามารถแยก
ได้
จากผลของต้
นพร้
าวนกคุ่
ม (
Curculigo latifolia
) ซึ่
งเป็
นพื
ชเขตร้
อนมี
ถิ่
นก�
ำเนิ
ดอยู่
ทางตะวั
นตก
ของประเทศมาเลเซี
[1]
พื
ชชนิ
ดนี้
ยั
งสามารถพบได้
ทั่
วไปในสวนยางพาราบริ
เวณภาคใต้
ของ
ประเทศไทยในทางชี
วภาพ เคอร์
คู
ลิ
นอาจท�
ำหน้
าที่
ดึ
งดู
ดสั
ตว์
ให้
กิ
นผลไม้
และช่
วยในการแพร่
กระจายของเมล็
ด โปรตี
นเคอร์
คู
ลิ
นมี
อยู
ในส่
วนผลของต้
นพร้
าวนกคุ
ม โดยจะพบมากที่
สุ
บริ
เวณฐานหรื
อขั้
วผล
[2]
ปริ
มาณเคอร์
คู
ลิ
นจะค่
อยๆ เพิ่
มขึ้
นจนมี
ปริ
มาณสู
งสุ
ดในระยะ 10
สั
ปดาห์
หลั
งจากที่
พื
ชออกดอกและจะคงที่
เป็
นเวลา4สั
ปดาห์
หลั
งจากนั้
นปริ
มาณเคอร์
คู
ลิ
จะค่
อยๆลดลง
[3]
ผลพร้
าวนกคุ
มมี
เคอร์
คู
ลิ
นประมาณ1-3มิ
ลลิ
กรั
มหรื
อ1.3มิ
ลลิ
กรั
มต่
อกรั
ของเนื
อผลไม้
ซึ่
งแสดงให้
เห็
นว่
าเคอร์
คู
ลิ
นเป็
นโปรตี
นหลั
กในผลไม้
ชนิ
ดนี้
หลั
งรั
บประทาน
ผลพร้
าวนกคุ
ม รสหวานจะหายไปอย่
างรวดเร็
วในเวลาไม่
กี่
นาที
แต่
รสหวานจะสามารถ
ถู
กกระตุ
นได้
อี
กครั้
งด้
วยการกิ
นน�้
ำหรื
ออาหารที่
มี
ฤทธิ
เป็
นกรด (อาหารที่
มี
รสเปรี้
ยว)
การเปลี่
ยนแปลงนี้
เรี
ยกว่
า การเหนี่
ยวน�
ำให้
เกิ
ดรสหวานของเคอร์
คู
ลิ
น โดยเคอร์
คู
ลิ
นบริ
สุ
ทธิ์
ให้
ความหวานมากกว่
าน�้
ำตาลซู
โครส 35,000 เท่
าโดยความเข้
มข้
นเป็
นโมลาร์
และ 430 เท่
โดยน�้
ำหนั
[4]
ความหวานของเคอร์
คู
ลิ
นแปรผั
นตามความเข้
มข้
น และสารละลายเคอร์
คู
ลิ
จะอิ่
มตั
วที่
ความเข้
มข้
น10 ไมโครโมลาร์
ซึ่
งเที
ยบเท่
ากั
บซู
โครส0.35 โมลาร์
[4]
การเหนี่
ยวน�
ำหรื
อท�
ำให้
เกิ
ดรสหวานของเคอร์
คู
ลิ
นจะแปรผั
นตามความเข้
มข้
น เช่
น ระดั
ความหวานของเคอร์
คู
ลิ
นที่
ถู
กกระตุ
นโดยกรดซิ
ตริ
ก0.02โมลาร์
หรื
อน�้
ำจะเที
ยบเท่
ากั
บความ-
หวานของสารละลายซู
โครส0.35โมลาร์
[4]
การเหนี่
ยวน�
ำด้
วยกรดจะท�
ำให้
เกิ
ดความรู
สึ
กหวาน
ที
รุ
นแรงมากกว่
าและยาวนานกว่
าการเหนี่
ยวน�
ำด้
วยน�
ำ นอกจากนี้
กรดชนิ
ดอื่
นๆ เช่
น กรด-
แอสคอร์
บิ
ก (วิ
ตามิ
นซี
)กรดอะซิ
ติ
กกรดซั
ลฟู
ริ
กกรดฟอสฟอรั
สและกรดไฮโดรคลอริ
กสามารถ
เหนี
ยวน�
ำให้
เกิ
ดรสหวานจากเคอร์
คู
ลิ
นได้
[4]
อย่
างไรก็
ตาม กรดบางชนิ
ดสามารถท�
ำให้
เกิ
ความหวานมากกว่
ากรดชนิ
ดอื่
นๆ เมื่
ออยู
ภายใต้
สภาพความเป็
นกรดด่
างเดี
ยวกั
นซึ่
งแสดงให้
เห็
นว่
า ไม่
เพี
ยงเฉพาะค่
า pH เท่
านั้
น แต่
ความแรงและระดั
บการแตกตั
วเป็
นไอออนของกรด
ก็
มี
บทบาทส�
ำคั
ญในการกระตุ
นสมบั
ติ
เหนี่
ยวน�
ำความหวานของเคอร์
คู
ลิ
[4]
การท�
ำให้
เกิ
รสหวานของเคอร์
คู
ลิ
นเป็
นกระบวนที่
ย้
อนกลั
บได้
กระบวนการดั
งกล่
าวท�
ำให้
เกิ
ดการ-
เปลี
ยนแปลงสลั
บกั
นระหว่
างการให้
รสหวานภายใต้
สภาวะที่
เป็
นกรดและไม่
ให้
รสหวาน
ภายใต้
สภาวะที่
เป็
นกลาง สารเคมี
อื่
นที่
สามารถชั
กน�
ำให้
เกิ
ดรสหวานของเคอร์
คู
ลิ
น ได้
แก่
แอมโมเนี
ยมคลอไรด์
(NH
4
Cl, 100มิ
ลลิ
โมลาร์
, pH6.3) และกรดอะมิ
โนบางชนิ
ด (Ser, Thr,
Cys)
[5]
นอกจากนี้
กรดอ่
อนที่
แตกตั
วไม่
สมบู
รณ์
เช่
น แอมโมเนี
ยมอะซิ
เตต (NH
4
OAc)
ที
ความเข้
มข้
นสู
งกว่
า 60 มิ
ลลิ
โมลาร์
ก็
สามารถท�
ำหน้
าที่
เป็
นตั
วจ่
ายโปรตอน ซึ่
งจะไป
เหนี่
ยวน�
ำรสหวานของเคอร์
คู
ลิ
[5]
น่
าสนใจเป็
นอย่
างยิ่
งว่
าโลหะไดวาเลนต์
หรื
อโลหะที
มี
ประจุ
2+ มี
ผลในการยั
บยั้
งรสหวานของเคอร์
คู
ลิ
นเมื่
อถู
กชั
กน�
ำด้
วยน�้
ำ ท�
ำให้
เคอร์
คู
ลิ
นมี
รสหวาน
น้
อยหรื
อไม่
มี
รสชาติ
แต่
มี
ผลในการท�
ำให้
เคอร์
คู
ลิ
นยั
งคงความหวานเมื่
อถู
กชั
กน�
ำด้
วยกรด
[5]
ปฏิ
กิ
ริ
ยายั
บยั้
งรสหวานนี้
ขึ้
นกั
บความแรงประจุ
ของโลหะ เช่
น เกลื
อแคลเซี
ยมคลอไรด์
(CaCl
2
)
มี
ผลให้
ความหวานของเคอร์
คู
ลิ
นลดลง ในขณะที่
เกลื
อโซเดี
ยมคลอไรด์
(NaCl) ไม่
มี
ผลต่
ความหวานของเคอร์
คู
ลิ
นที่
เกิ
ดจากการชั
กน�
ำด้
วยน�้
[5]
ในภาพรวมสามารถสรุ
ปได้
ว่
ปั
จจั
ยภายนอกที่
มี
ผลต่
อระดั
บความหวานควรที่
จะถู
กน�
ำมาพิ
จารณาเพื่
อเป็
นข้
อมู
ลส�
ำหรั
บใช้
ในการพั
ฒนาผลิ
ตภั
ณฑ์
อาหารจากเคอร์
คู
ลิ
นในอนาคต
เอกสารอ้
างอิ
ง/References
1.YamashitaH, TheerasilpS, Aiuchi T,NakayaK,NakamuraY, KuriharaY.
Purification and complete amino acid sequence of a new type of
sweet protein taste-modifying activity, curculin. J Biol Chem. 1990;
265(26): 15770-15775.
2.Okubo S, Asakura T, Okubo K, Abe K, Misaka T, Akita T, Abe K.
Neoculin, a taste-modifying sweet protein, accumulates in ripening fruits
of cultivated
Curculigo latifolia
. J Plant Physiol. 2008; 165(18): 1964-1969
3.Abe K, Yamashita H, Arai S, Kurihara Y. Molecular cloning of curculin, a
novel taste-modifying protein with a sweet taste. Biochim Biophys Acta.
1992; 1130(2): 232-234
4.Yamashita H, Akabane T, Kurihara Y. Activity and stability of a new sweet
protein with taste-modifying action, curculin. Chem Senses. 1995; 20(2):
239-243
5.Nakajima K, Koizumi A, Iizuka K, Ito K, Morita Y, Koizumi T, Asakura T,
Shimizu-IbukaA,MisakaT, AbeK.Non-acidiccompounds induce the intense
sweet tasteof neoculin, a taste-modifyingprotein. Biosci Biotechnol Biochem.
2011; 75(8): 1600-1602
Image courtesy of:
1...,47,48,49,50,51,52,53,54,55,56 58,59,60,61,62,63,64,65,66,67,...96
Powered by FlippingBook