- page 71

STRATEGIC
R & D
69
JUN 2016 FOOD FOCUSTHAILAND
Indirect food additive คื
อ สารที่
เติ
มแต่
งในอาหารในปริ
มาณน้
อยๆ
จุ
ดประสงค์
เพื่
อการแปรรู
ปและบรรจุ
ภั
ณฑ์
ในด้
านความปลอดภั
ยของการใช้
สารเติ
มแต่
งในอาหาร ผู
ผลิ
ตอาหารจะต้
องมั่
นใจว่
าสารเติ
มแต่
งชนิ
ดนั้
นๆ
ได้
รั
บการอนุ
ญาตให้
ใช้
โดยองค์
การอาหารและยาของสหรั
ฐอเมริ
กา (U.S. Food
andDrugAdministration; USFDA)
แหล่
งของสารเติ
มแต่
งอาหารมี
ทั้
งที่
มาจากธรรมชาติ
และการสั
งเคราะห์
สารเติ
มแต่
งที่
มาจากธรรมชาติ
ได้
แก่
เพคติ
นวิ
ตามิ
นซี
เลซิ
ธิ
นแคลเซี
ยมคลอไรด์
เป็
นต้
นการใช้
สารเติ
มแต่
งต้
องได้
รั
บการอนุ
ญาตการใช้
จากประเทศนั้
นๆหรื
อจาก
ประเทศในกลุ
มยุ
โรป (European Union Approval) การเรี
ยกชื่
อสารเติ
มแต่
ต้
องน�
ำหน้
าด้
วยอั
กษร “E” ซึ่
งหมายถึ
งอยู
ในหมวดสารเติ
มแต่
งอาหาร (Food
ingredientbox)ยกตั
วอย่
างเช่
นวิ
ตามิ
นซี
อยู
ในรายการE300หรื
อถ้
าไม่
ตามด้
วย
ตั
วเลขจะต้
องตามด้
วยชื่
อของสารเติ
มแต่
งนั้
น กรณี
ของสารเติ
มแต่
งสี
เบต้
า-
แคโรที
น (
β
-carotene) อยู
ในหมวดสารเติ
มแต่
งให้
สี
Colour:160(a),
Colour:160(a)
β
-caroteneหรื
อColour:
β
-carotene
การจ�
ำแนกประเภทสารเติ
มแต่
งตามหน้
าที่
• Preservation –
เทคนิ
คการถนอมอาหารมี
การใช้
กั
นมามากกว่
าร้
อยปี
จนถึ
ปั
จจุ
บั
น อั
นได้
แก่
กระบวนการแปรรู
ปโดยใช้
ความร้
อน การท�
ำให้
เข้
มข้
น การท�
แห้
ง การแช่
เย็
น การแช่
เยื
อกแข็
ง การปรั
บบรรยากาศ และการฉายรั
งสี
ปั
จจุ
บั
มี
การถนอมอาหารโดยใช้
สารเคมี
กั
นมากขึ้
น เพราะค่
าใช้
จ่
ายของการใช้
สารเคมี
นั้
นไม่
สู
งนั
ก ท�
ำให้
ผู
ผลิ
ตในวงการอุ
ตสาหกรรมอาหารและเครื่
องดื่
ม ร้
านค้
และผู
บริ
โภคหั
นมาใช้
วิ
ธี
นี้
เนื่
องจากสามารถสร้
างความมั่
นใจว่
าสามารถยื
ดระยะ
เวลาเก็
บรั
กษาผลิ
ตภั
ณฑ์
อาหารและเครื่
องดื่
มได้
เป็
นเวลานานและมี
ความปลอดภั
บางครั้
งสารถนอมอาหารสามารถแสดงคุ
ณสมบั
ติ
ต้
านอนุ
มู
ลอิ
สระและต้
านเชื้
แบคที
เรี
ยในคราวเดี
ยวกั
นได้
เช่
นกั
สารเติ
มแต่
งที่
มี
คุ
ณสมบั
ติ
ต้
านจุ
ลิ
นทรี
ย์
สามารถยั
บยั้
งและป้
องกั
นการเจริ
เติ
บโตของเชื้
อ เช่
นยี
สต์
แบคที
เรี
ย ราและเห็
ดราที่
ท�
ำลายอาหารกลไกหลั
กของ
การถนอมอาหารคื
อลดปริ
มาณน�้
ำที่
มี
อยู
ในอาหารและเพิ
มความเป็
นกรดตั
วอย่
าง
สารถนอมอาหารได้
แก่
กรดซอร์
บิ
ก เกลื
อของโพแทสเซี
ยม/แคลเซี
ยม/และโซเดี
ยม
โพรพิ
โอเนท เกลื
อโพแทสเซี
ยมและโซเดี
ยมเบนโซเอทและพาราเบนซั
ลเฟอร์
ได-
ออกไซด์
และซั
ลไฟท์
มี
การใช้
กั
นอย่
างกว้
างขวางเพื่
อควบคุ
มจุ
ลิ
นทรี
ย์
บางชนิ
ดใน
น�้
ำอั
ดลมน�้
ำผลไม้
ไวน์
เบี
ยร์
และผลิ
ตภั
ณฑ์
อื่
นๆนอกจากนี้
กรดอิ
นทรี
ย์
น�้
ำตาล
แอลกอฮอล์
เครื่
องเทศน�้
ำมั
นหอมระเหยและสมุ
นไพรก็
สามารถใช้
ในการยั
บยั้
การเจริ
ญเติ
บโตของเชื้
อจุ
ลิ
นทรี
ย์
• Emulsifiers and Stabilizers –
ผู
ผลิ
ตอาหารมี
ความสนใจใช้
สารเติ
มแต่
อาหารประเภทนี
ในการเพิ่
มความน่
าดึ
งดู
ดและความคงทนสภาพเป็
นปกติ
ของ
ผลิ
ตภั
ณฑ์
อาหารสารอิ
มั
ลซิ
ไฟเออร์
ท�
ำหน้
าที่
ช่
วยให้
น�้
ำมั
นและน�้
ำผสมกั
นได้
ดี
และ
ป้
องกั
นไม่
ให้
น�้
ำและน�้
ำมั
นแยกออกจากกั
นในระหว่
างการเก็
บรั
กษา เช่
นช่
วยปรั
เนื้
อสั
มผั
สในน�้
ำสลั
ด ยื
ดอายุ
การเก็
บรั
กษาในขนมปั
ง ช่
วยท�
ำให้
เนื้
อไอศกรี
มมี
ความ-
เนี
ยนตามต้
องการช่
วยให้
คงสภาพช่
วยให้
เข้
มข้
นและหนื
ดและช่
วยให้
ผลิ
ตภั
ณฑ์
มี
เนื้
อสั
มผั
สที่
น่
ารั
บประทานและดึ
งดู
ดใจ
สารเติ
มแต่
งที่
มี
คุ
ณสมบั
ติ
ท�
ำให้
ข้
นหนื
ด (Thickener)และคงสภาพ (Stabilizer)
ได้
แก่
ไฮโดรคอลลอยด์
กั
ม และพอลิ
เมอร์
ที่
ละลายน�้
ำ ทางด้
านจุ
ดประสงค์
ของ
เทคนิ
คการประยุ
กต์
ใช้
งาน คื
อ พิ
จารณาความสามารถที่
สารเติ
มแต่
งเหล่
านี้
ในการ-
ปรั
บคุ
ณสมบั
ติ
ทางกายภาพของน�้
ำที่
ผสมอยู
ในอาหารและเครื่
องดื่
มซึ่
งมี
น�้
ำเป็
องค์
ประกอบ สารที่
ละลายน�้
ำมี
หน้
าที่
ในการปรั
บคุ
ณสมบั
ติ
การไหล ซึ่
งจะ
แสดงออกมาในรู
ปการไหลและความถู
กปากของรสชาติ
ของอาหารและเครื่
องดื่
นอกจากนี้
ยั
งท�
ำหน้
าที่
เป็
นสารแขวนลอยในผลิ
ตภั
ณฑ์
อาหารและเครื่
องดื่
เป็
นสารช่
วยให้
ของผสมน�้
ำกั
บน�้
ำมั
นคงสภาพ เป็
นตั
วจั
บกั
บผลิ
ตภั
ณฑ์
อาหาร
the listE300. If “E” isnot followedbynumber, itmay followby thechemical
name. In the case of food additive, β-carotene is in the food ingredient
box “colour”. Then, it will be Colour: 160(a), Colour: 160(a) β-carotene or
Colour: β-carotene.
FoodAdditives areDividedbyTheir FunctionProperties
• Preservation -
Food preservation techniques have advanced in the
past 100 years up to now. These techniques include thermal processing,
concentration and drying, refrigeration and freezing, modified atmosphere
and irradiation. However, the chemical preservations are widely used
for the food processor as its expense is reasonable and represented in
economicalway.The foodmanufacturers, shopsandconsumershavealso
ensured the chemical preservation technique for storage a long shelf life
and safe. Sometime, these additives have also exerted both antioxidant
andantimicrobial properties.
According to antimicrobial property, the preservatives are capable of
retarding and preventing the growth of microorganisms such as yeast,
bacteria, mold and fungi and subsequent spoilage of food. The principle
mechanism is to reduce thewater availabilityand increase theacidity. The
examplesof thepreservatives includeSorbicacidandPotassium,Calcium
andSodium propionate salts, Potassium salts andSodium benzoate, and
Paraben.Sulfurdioxideandsulfitearealsowidelyused incontrolsome types
of microorganisms in soft drink, fruit juice, wine, beer and miscellaneous
product.Organicacid, sugar, alcohol, spice, essential oil andherbarealso
used.
• EmulsifiersandStabilizers -
Foodmanufacturers are interested in
these typesofadditives.Theseadditivesenable to increasemoreattractive
and stability of food and beverage products. Emulsifiers enable to allow
normally immiscible liquid,suchasoilandwater, to formastablemixtureand
prevent immiscible liquidseparatelyduring thestoragesuchas improvement
of the texture in salad dressing, prolongation of the shelf life in bread and
bakery products, toproduce texture and taste uniformity in ice cream.
Stabilizers and thickeners enable to stabilize the mixture of oil and
water.They includehydrocolloids,gumsandwater-solublepolymers. In the
technical use, the ability of these additives is considered for improvement
of physical property of water in food and beverage products. The water-
soluble materials have the function to improve the rheological property
which represents in flowing condition and palatable taste of food and
beverageproducts. Furthermore, their functions act as suspension in food
andbeverageproducts, as a stabilizer in themixtureof oil andwater, as a
binder to foodand tocreateastrengthandweaknessofgel in foodproducts.
Normally, they use in a small quantity such as 0.15% in jam, 0.35% in ice
cream and 1-2% in salad dressing.
• Antioxidant -
Themain function of antioxidant additives is to retard
the oxidation reaction of fat and oil in food which cause rancid odor and
its degrading effects, thus extending the shelf life of food. The antioxidant
additives have also enabled to prevent the degradation of fat-soluble
vitamins and color, flavor and nutrient deterioration of cut fruits and
vegetables. It makes the food ismore attractive and prolong the shelf life.
Antioxidantadditivesarealsousedwith thebeverageproducts.Thenatural
antioxidants include ascorbic acid (vitamin C) and tocopherol (vitamin E)
for protecting the tissues from free radical species. The research reports
documented thepreparationof foodwithvariousantioxidantsandvitamins
can treat the cancer cell, cardiovascular diseaseand cataract. Antioxidant
additives work with other two substances such as sequestrants which act
as a chelating agent (i.e. EDTA and citric acid) and synergistic agents
(i.e. mixture of antioxidant and lecithin). Synthetic antioxidants include
butylatedhydroxyanisole (BHA),butylatedhydroxytoluene (BHT), tert-butyl
hydroquinone (TBHQ) and propyl gallate (PG). The use of these additives
should provide in theminimum quantity.
• Colour -
Theuseof color additivesneednot tohave thenutritionally
valuable food. These additivesmay help the food and beverage products
haveaconsistent appearancewhen the timemight differ from time to time.
Generally, theuseof color additivesshouldapply inminimumquantity.The
sourceof color additives is foundbothnatural and synthetic. The following
color additives in Table 1 are permitted and approved by U.S. Food and
DrugAdministration (USFDA).
1...,61,62,63,64,65,66,67,68,69,70 72,73,74,75,76,77,78,79,80,81,...102
Powered by FlippingBook