70
JUN 2016
FOOD FOCUSTHAILAND
STRATEGIC
R & D
• Sweeteners -
The difference of natural sugars and artificial
sweeteners is the concentrationof useandabilityof providingenergy.As
the natural sugars enable to use as bulk in the food and provide energy,
while theartificialsweetenersaddedbulkarenotnecessary.However, these
artificialadditivesdonotprovide theusefulenergy.Then, thenatural sugars
are not considered to be additives. The examples of artificial sweeteners
include saccharin, acesulfame and aspartame. InTheUnitedStates, the
general foodandbeverageproductsneed thesweeteners from thepolyols
(i.e.sugaralcoholsorpolyalcohols) replacing thenaturalsugars. In thecase
of using the low caloric foodandbeverageproducts, thepolyolsareused
because theyenable toabsorb in thegastrointestinal tract slower than the
natural sugars. Therefore, the ingredient label on the food and beverage
products can identify that these products are “no sugar” or “sugar free”.
• Flavouring -
Using the flavouring additives, FDApermits to use in
a small content.
• Humectant -
Humectantadditivesprevent food fromdryingout.They
cankeep themoistureaswell.Glycerol (E422) isanexampleofhumectant.
• Firming andCrispingAgents -
These additives often be used in
the foodproductswithcanned itemssuchascalciumchloridenumber509.
• Flour Improvers -
These make dough stronger and are said to
improve thequality of bread, cakes and biscuits.
Research and Development in Food Ingredients and
Additives
Because there are so many dissimilar and unconnected segments of
food additives industries, the participating companies exhibit different
approaches to researchanddevelopment (R&D).Currently,FDA-approved
additives are uncovered for application research. Innovation or new
researchandhigh valueadded foodproducts are still less because there
arehighcostand time forbasic research,development, regulatoryapproval
และสร้
างความแข็
งและความอ่
อนของเจลในผลิ
ตภั
ณฑ์
อาหาร โดยทั่
วไปการใช้
สารข้
นหนื
ดและคงสภาพจะใช้
ในปริ
มาณที่
น้
อย เช่
น ในแยมร้
อยละ 0.15
ในไอศกรี
มร้
อยละ 0.35และในน�้
ำสลั
ดร้
อยละ 1-2
•Antioxidant –
หน้
าที่
หลั
กของสารต้
านอนุ
มู
ลอิ
สระคื
อหยุ
ดปฏิ
กิ
ริ
ยาออกซิ
เดชั
น
ของไขมั
นและน�้
ำมั
นในอาหาร ซึ่
งเป็
นสาเหตุ
ให้
เกิ
ดความเหม็
นหื
น ทั้
งยั
งป้
องกั
น
การเสื่
อมสภาพของวิ
ตามิ
นที่
ละลายในไขมั
นป้
องกั
นการเสื่
อมสภาพของสี
กลิ่
นรส
และสารอาหารในชิ้
นผลไม้
และผั
ก นั่
นคื
อท�
ำให้
อาหารมี
ลั
กษณะน่
าดึ
งดู
ดและ
มี
อายุ
การเก็
บยาวนานมากขึ้
น ตั
วอย่
างสารต้
านอนุ
มู
ลอิ
สระธรรมชาติ
ได้
แก่
กรด
แอสคอร์
บิ
ก โทโคเฟอรอล สารเติ
มแต่
งสองประเภทนี้
ช่
วยปกป้
องอั
นตรายจาก
การท�
ำลายเซลล์
ของอนุ
มู
ลอิ
สระ มี
รายงานการวิ
จั
ยแนะน�
ำการเตรี
ยมสู
ตรอาหาร
ด้
วยสารต้
านอนุ
มู
ลอิ
สระและวิ
ตามิ
นต่
างๆ ว่
าช่
วยในการรั
กษามะเร็
ง โรคหลอดเลื
อด-
เลี้
ยงหั
วใจและกล้
ามเนื้
อหั
วใจ และต้
อกระจก ในส่
วนการท�
ำงานสารต้
านอนุ
มู
ล-
อิ
สระจะท�
ำงานร่
วมกั
บสารเติ
มแต่
งอื่
นๆอี
ก2ชนิ
ดได้
แก่
ซี
เควสแทรนต์
(Sequestrants)
สารชนิ
ดนี้
เป็
นวั
ตถุ
เจื
อปนในอาหาร ช่
วยให้
สี
กลิ่
น รส และลั
กษณะเนื้
อสั
มผั
สของ
ผลิ
ตภั
ณฑ์
อาหารและเครื่
องดื่
มมี
ความคงตั
ว โดยท�
ำหน้
าที่
เป็
น Chelating agent
(เช่
นอี
ดี
ที
เอและกรดซิ
ตริ
ก เป็
นต้
น) และสารที่
มี
ฤทธิ์
ในการเสริ
มกั
น (Synergists)
(เช่
นของผสมระหว่
างสารต้
านอนุ
มู
ลอิ
สระและเลซิ
ธิ
น)ส�
ำหรั
บสารต้
านอนุ
มู
ลอิ
สระ
สั
งเคราะห์
ได้
แก่
ButylatedHydroxyanisole (BHA),ButylatedHydroxytoluene
(BHT), Tert-Butyl Hydroquinone (TBHQ) และ Propyl Gallate (PG) การใช้
สารต้
านอนุ
มู
ลอิ
สระกลุ่
มนี้
จะใช้
ในปริ
มาณความเข้
มข้
นที่
ต�่
ำมาก
• Colour –
การใช้
สารเติ
มแต่
งให้
สี
ไม่
จ�
ำเป็
นต้
องมี
คุ
ณสมบั
ติ
ให้
คุ
ณค่
าทาง
โภชนาการ เพี
ยงแต่
ท�
ำให้
ลั
กษณะภายนอกของอาหารดู
ไม่
เปลี่
ยนแปลงแม้
กาลเวลาจะ
เปลี่
ยนแปลงไปโดยทั่
วไปการใช้
ประโยชน์
สารเติ
มแต่
งให้
สี
ควรใช้
ในปริ
มาณที่
น้
อย
ที่
สุ
ด สารเติ
มแต่
งให้
สี
มี
แหล่
งทั้
งที่
มาจากธรรมชาติ
และการสั
งเคราะห์
ตั
วอย่
าง
สารเติ
มแต่
งให้
สี
ที่
ได้
รั
บการรั
บรองจากองค์
การอาหารและยาสหรั
ฐอเมริ
กาว่
าใช้
ได้
อย่
างปลอดภั
ยแสดงดั
งตารางที่
1
•Sweeteners -
น�้
ำตาลธรรมชาติ
มี
ความแตกต่
างกั
บสารให้
ความหวาน (Sweet-
eners) ที่
ปริ
มาณการใช้
และการให้
พลั
งงานกล่
าวคื
อน�้
ำตาลธรรมชาติ
สามารถใช้
ในปริ
มาณมากๆกั
บอาหารได้
และให้
พลั
งงานในขณะที่
สารให้
ความหวานไม่
จ�
ำเป็
น
ต้
องใช้
ในปริ
มาณมากและไม่
ได้
ให้
พลั
งงานดั
งนั้
นน�้
ำตาลธรรมชาติ
จึ
งไม่
จั
ดว่
าเป็
น
สารเติ
มแต่
งให้
ความหวานตั
วอย่
างสารให้
ความหวานสั
งเคราะห์
ได้
แก่
แซคคาริ
น
(Saccharin) อะซี
ซั
ลเฟม (Acesulfame) และแอสพาร์
แทม (Aspartame) ใน
สหรั
ฐอเมริ
กาผลิ
ตภั
ณฑ์
อาหารและเครื่
องดื่
มใช้
สารให้
ความหวานจากสารพอลิ
ออล
(Polyol; sugar alcohols หรื
อ Polyalcohols) แทนน�้
ำตาลซู
โครส ในกรณี
ที่
ใช้
กั
บ
ผลิ
ตภั
ณฑ์
อาหารที่
ต้
องการแคลอรี
ต�่
ำ เนื่
องจากสารเติ
มแต่
งให้
ความหวานประเภทนี้
จะถู
กดู
ดซึ
มที่
ทางเดิ
นอาหารได้
ช้
ากว่
าน�้
ำตาลซู
โครส ดั
งนั้
น บนฉลากผลิ
ตภั
ณฑ์
สามารถระบุ
ได้
ว่
าผลิ
ตภั
ณฑ์
ประเภทนี้
“NoSugar” หรื
อ “Sugar Free”
• Flavouring –
การใช้
สารเติ
มแต่
งให้
สี
และรส องค์
การอาหารและยาของ
สหรั
ฐอเมริ
กาอนุ
ญาตให้
ใช้
ในอาหารได้
ในปริ
มาณที่
ต�่
ำ
• Humectant -
สารเติ
มแต่
งประเภทนี้
ช่
วยไม่
ให้
อาหารแห้
ง (Dry out) และ
สามารถเก็
บกั
กความชื้
นไว้
ได้
ตั
วอย่
างเช่
นกลี
เซอรอล (Glycerol) (E422)
• Firming and Crisping Agents -
สารเติ
มแต่
งประเภทนี้
มั
กใช้
กั
บอาหารใน
ภาชนะปิ
ดสนิ
ทตั
วอย่
างเช่
นแคลเซี
ยมคลอไรด์
(Calciumchloridenumber509)
• Flour Improvers -
สารเติ
มแต่
งประเภทนี้
มั
กใช้
ในการท�
ำให้
แป้
งโดให้
มี
ความแข็
งแรง อาจกล่
าวนั
ยหนึ่
งว่
า เพื่
อต้
องการปรั
บปรุ
งคุ
ณภาพของขนมปั
ง เค้
ก
และบิ
สกิ
ต
ตารางที่
1
สารเติ
มแต่
งให้
สี
ที่
ได้
รั
บการรั
บรองจากองค์
การอาหารและยาสหรั
ฐอเมริ
กา
Table1
Theapprovedadditives by FDA
Additive
Color
Source
Annatto extract
Beet juice
Dehydrate beets
Canthaxanthin
Caramel
Apocarotenal
Carrot oil
Fruit juice
(grape and cranberry)
Paprika
Riboflavin
Turmeric
Yellow
Red
Purple
Red
Brown
Orange
Yellow
Red
Red
Yellow
Yellow
Vegetable
Vegetable
Vegetable
Synthetic
Semi-synthetic
Synthetic
Vegetable
Fruit
Vegetable
Synthetic
Vegetable
and market acceptance of a new food additive product. For example,
NutraSweet’saspartameadditivewasused the time for11years togainFDA
approval:acesulfame-Kused the time for6years indevelopment research
andgainingFDAapproval. The total costsof research, development, and
approvals foraspartamewereclose toUSD25million.Procter&Gamble’s
Olestra™ was in research and development for 20 years, yet wasn’t
submitted to theFDAuntilJune1987.AfterspendingoverUSD200million in
developmentcostsandwaiting formore than8years forFDAapproval, the
fat substitute received approval
in January 1996. Approval of
the food additive is limited to
snackssuchaspotatochipsand
tortilla chips. Moreover, it has
a special regulatory limitation,
Olestra™- containing products
require fortificationwith vitamins
A,D,E, andK tocompensate for
the limited absorption of these
fat-soluble vitamins, and the
products must be labeled with